
เคลมประกันได้ไหม ? หากเกิดเหตุการณ์ฝนตกถนนลื่น จนเบรกไม่ทันไปชนคันอื่น

ช่วงฤดูฝนของไทยจะอยู่ช่วงราว ๆ เดือนกลางเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนตุลาคม เป็นเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้บ่อยกว่าฤดูอื่น ๆ เนื่องจากเกิดน้ำขังบนท้องถนน จนทำให้รถยนต์หลาย ๆ คันลื่นไถลเสียการทรงตัว สำหรับบทความนี้ SILKSPAN ได้พบกับข้อสงสัยที่ว่า จะเคลมประกันได้ไหม ? ในกรณีที่ฝนตกถนนลื่น จนทำให้รถไถลไปชนกับคันอื่น ประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองหรือไม่ ? มาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้
เคลียร์ชัดทุกประเด็น ! อุบัติเหตุจากถนนลื่น เคลมประกันได้หรือไม่ ?
ถ้าให้เราเกริ่นกันก่อนเข้าเนื้อหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คงต้องบอกว่า “สามารถเคลมประกันได้” แต่ ! อาจไม่ใช่ในทุก ๆ กรณี เนื่องจากความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ที่แตกต่างกัน อาจส่งผลให้อุบัติเหตุบางประเภท อาจไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์บางชนิด โดยต่อจากนี้จะเป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับ อุบัติเหตุบนท้องถนนในขณะที่ฝนตกถนนลื่น
ทำไมฝนตกแล้วถนนถึงลื่น อันตรายมากแค่ไหน
ในขณะที่ฝนตกจะมีน้ำขังบนพื้นถนน ซึ่งปริมาณน้ำยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลโดยตรงกับ “แรงเสียดทาน” ที่ลดน้อยลงของตัวรถยนต์กับพื้นถนน เมื่อแรงเสียดทานน้อยก็จะทำให้รถเกิดการลื่นไถลได้ง่าย ยิ่งเป็นรถที่ขับด้วยความเร็วก็จะสุ่มเสี่ยงกับการเกิดอุบัติเหตุรถชนได้มากขึ้น เนื่องจากอาจเกิดอาการ “รถเหินน้ำ” จนไม่สามารถควบคุมรถได้นั่นเอง
กรณีเบรกไม่ทัน รถชนจากฝนตก ประกันรถยนต์คุ้มครองไหม
ประกันรถยนต์ทุกประเภทจะยัง “ให้ความคุ้มครอง” ในกรณีที่คุณประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยไม่ละเมิดข้อตกลงที่มีเอาไว้กับบริษัทประกันภัย ถ้าสาเหตุเกิดจากฝนตกถนนลื่นก็ยังให้ความคุ้มครอง ยกเว้นในขณะขับขี่คุณมีความมึนเมา ขับรถแข่งกันมา หรือ ขณะนั้นคุณกำลังใช้รถทำสิ่งผิดกฎหมาย คุณจะไม่ได้รับความคุ้มครอง

ประเภทของประกันรถยนต์ที่เคลมได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ถึงเราจะบอกว่ากรณีที่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยมีสาเหตุมาจากฝนตกถนนลื่น ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทจะให้ความคุ้มครอง แต่ความคุ้มครองที่เรากำลังกล่าวถึงนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าในส่วนของการ “เคลมประกัน” ซึ่งตีความได้ว่าความคุ้มครองรถยนต์ของตนเอง มาดูกันว่าประกันแต่ละรูปแบบ จะมีความคุ้มครองแตกต่างกันอย่างไร
ประกันชั้น 1 เคลมรถจากเหตุฝนตกได้ครอบคลุมแค่ไหน
ประกันชั้น 1 ขึ้นชื่อว่าเป็น “ประกันภัยรถยนต์ที่ดีที่สุด” เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุจึงได้รับความคุ้มครองสูงสุด แม้จะเป็นอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี ก็ยังสามารถส่งเคลมได้ ขอเพียงไม่ละเมิดข้อตกลงของบริษัทประกันเท่านั้น ซึ่งในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุจากปัญหาสภาพอากาศ เคลมได้แน่นอน 100%
ประกันชั้น 2+ และ 3+ เคลมได้ไหม กรณีถนนลื่น
สำหรับผู้ที่ทำประกันชั้น 2+ และ ประกันชั้น 3+ จะได้รับความคุ้มครองตัวรถ สามารถส่งเคลมประกันได้ก็ต่อเมื่อ เกิดอุบัติเหตุแล้วมี “คู่กรณี” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิดก็สามารถส่งเคลมได้ทั้งหมด แต่ถ้าเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี จะไม่สามารถเคลมได้
ถ้ามีแต่ พ.ร.บ. อย่างเดียว เคลมอะไรได้หรือไม่
ในกรณีที่คุณมีแต่ พ.ร.บ. เพียงอย่างเดียว เมื่อประสบอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ คุณจะไม่สามารถเคลมประกันในส่วนของความเสียหายกับตัวรถได้ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ. จะคุ้มครองเฉพาะ “ผู้ขับขี่” เพียงเท่านั้น คุณก็จะได้รับค่ารักษา เงินชดเชย หรือ เงินสินไหม แต่ไม่มีการซ่อมรถให้แต่อย่างใด
ขั้นตอนการเคลมประกันหลังรถชนบนถนนลื่น
สิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถชน
จำเอาไว้ให้ดี เมื่อประสบอุบัติเหตุทุกครั้งสิ่งที่คุณต้องมีคือ “สติ” สิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากประสบอุบัติเหตุ คือตั้งสติแล้วเปิดไฟฉุกเฉิน จากนั้นตรวจสอบตนเองเสียก่อน ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม จากนั้นก็ตรวจสอบผู้โดยสารที่มากับคุณว่าบาดเจ็บหรือไม่ หากไม่มีอาการบาดเจ็บร้ายแรงนัก ค่อยลงมาเช็คความเสียหายของตัวรถ ถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ แล้วรีบโทรติดต่อกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่คุณทำเอาไว้
เอกสารที่ต้องใช้ในการเคลมประกันรถ
เอกสารสำคัญที่สุดในการส่งเคลมประกัน ก็จะเป็น “ใบเคลม” ซึ่งจะได้รับจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัย โดยหลังจากเกิดอุบัติเหตุ และคุณได้โทรแจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะรีบมาหาคุณตรงที่เกิดเหตุ จากนั้นก็จะประเมินความเสียหายของตัวรถ เจรจากับบริษัทประกันของคู่กรณี หรือ ถ้าเป็นประกันชั้น 1 ก็อาจไม่จำเป็นต้องมีคู่กรณี เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนก็จะออกใบเคลมให้กับคุณ เพื่อนำรถไปซ่อมที่อู่ที่ระบุเอาไว้
เคลมประกันออนไลน์ ทำได้ไหม ง่ายกว่าหรือเปล่า
การ “เคลมประกันออนไลน์” ทำได้แล้วในปัจจุบัน แต่มักจะใช้กับกรณีที่เป็นอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี เช่น ขับขูดฟุตบาท เฉี่ยวเสาบ้าน หรือ ชนกระถางต้นไม้ และมักจะถูกใช้กับผู้ที่ทำประกันชั้น 1 เอาไว้ ถามว่าสะดวกกว่าเดิมไหม ? ต้องสะดวกกว่าแน่นอน เพียงอัปโหลดภาพความเสียหายของตัวรถ ผ่านช่องทางที่บริษัทประกันกำหนดเอาไว้ กรอกข้อมูลที่บริษัทต้องการ จากนั้นคุณก็จะได้ใบเคลม เพื่อนำรถเข้าซ่อมกับอู่ในเครือของบริษัทประกันนั้น ๆ ได้เลย
ข้อควรระวังและคำแนะนำเมื่อต้องขับรถตอนฝนตก
เทคนิคขับรถอย่างปลอดภัยเมื่อถนนเปียก
เมื่อคุณต้องขับรถในสภาพอากาศที่ย่ำแย่ ฝนตกหนัก มีน้ำขังบนพื้นถนน สิ่งแรกที่ควรทำคือ “ลดความเร็ว” ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูงเป็นอันขาด และควร “เว้นระยะห่าง” จากรถคันอื่น ๆ บนท้องถนนมากกว่าช่วงปกติ 2 เท่าตัว เนื่องจากถนนที่เปียกจะทำให้ระยะเบรกเพิ่มมากกว่าเดิม ที่สำคัญคือ “ไฟส่องสว่าง” เป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงที่ทัศนวิสัยการขับขี่ถูกบดบังในขณะที่ฝนตก ต้องเข้าใจการใช้งานไฟแต่ละชนิดให้ดี
ลดโอกาสเคลมประกัน ด้วยการเตรียมรถให้พร้อม
ระหว่างการรอเคลม รถของคุณจะต้องอยู่ห่างเนื้อห่างตัว เชื่อว่าสำหรับคนรักรถคงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นก่อนจะใช้รถใช้ถนนต้องมั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้ สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอก็จะมีทั้ง สภาพของยาง ดอกยางหมดแล้วหรือยัง ลมยางอ่อนหรือไม่ , ระบบเบรก ต้องเช็คว่าผ้าเบรกยังทำงานดี น้ำมันเบรกอยู่ในเกณฑ์ปกติไหม หรือ ระบบไฟส่องสว่าง ไฟทุกดวงควรต้องพร้อมใช้งานทุกเมื่อ เป็นต้น
บทส่งท้าย เคลมประกันรถยนต์ได้ไหมเมื่อเจอฝนตกถนนลื่น
สรุปสุดท้ายกันอีกสักนิด ในสถานการณ์ที่ฝนตกถนนลื่น หากคุณประสบอุบัติเหตุ เรายืนยันว่าคุณยังจะสามารถส่งเคลมประกันได้เช่นเดิม เพียงแค่ต้องดูอีกทีว่าคุณทำประกันชั้นไหนเอาไว้ ให้ความคุ้มครองในกรณีที่คุณประสบอุบัติเหตุหรือไม่ จะเห็นแล้วว่า “ประกันรถยนต์” นั้นยังมีเรื่องหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้ จะดีกว่าไหม ? หากคุณได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ก่อนจะตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ในแต่ละครั้ง SILKSPAN พร้อมช่วยให้คุณเจอประกันรถยนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ เปรียบเทียบเบี้ยประกันได้ก่อนตัดสินใจซื้อ หากสนใจติดต่อเราได้เลยตอนนี้