ประกันรถยนต์แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
ประกันรถยนต์ชั้น 1
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงสุดครอบคลุม รถสูญหาย, ไฟไหม้, น้ำท่วม, ผิดถูกรับผิดชอบทุกกรณี จึงมีทุนประกันรถที่สูง ราคาเบี้ยจึงสูงตามความคุ้มครองจึงเหมาะกับรถใหม่หรือที่ใช้รถเดินทางบ่อย เบี้ยประกันรถยนต์เริ่มต้น 7,500 บาท/ปี
ประกันรถยนต์ชั้น 2+
การทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองรถสูญหาย, ไฟไหม้, เคลมอุบัติเหตุรถชนรถเท่านั้น ทุนประกันรถยนต์น้อยกว่าชั้น 1 ราคาเบี้ยประกันรถยนต์จึงถูกกว่า เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ หรือขับไปทำงานแล้วจอดรถไว้เฉยๆ รถเก่าก็ทำได้ไม่ต้องตรวจสภาพรถ จึงไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเบี้ยแพงๆ เบี้ยประกันรถยนต์ เริ่มต้น 5,900 บาท/ปี
ประกันรถยนต์ชั้น 3+
ประกันรถยนต์ชั้นนี้จะไม่คุ้มครองรถสูญหาย ไฟไหม้ แต่จะคุ้มครองอุบัติเหตุรถชนรถที่มีคู่กรณีเท่านั้น ประกันรถยนต์ประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ ขับรถไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ และที่สำคัญไม่ต้องตรวจสภาพรถ และไม่จำกัดอายุรถ ทำให้เบี้ยประกันรถประเภท 3+ มีราคาถูก เบี้ยประกันรถยนต์เริ่มต้น 5,600 บาท/ปี
ประกันรถยนต์ชั้น 3
ประกันรถยนต์ชั้นนี้จะคุ้มครองรถคู่กรณี ไม่จำกัดอายุรถ ถึงแม้เป็นฝ่ายถูกชน ก็สามารถเรียกบริษัทประกันภัยมาที่เกิดเหตุได้ มีไว้อย่างน้อยก็อุ่นใจ เบี้ยประกันรถยนต์เริ่มต้น 3,085 บาท/ปี
เบี้ยประกันรถยนต์ถูก-แพงไม่เท่ากัน เป็นเพราะอะไร?
3 เหตุผลต่อไปนี้มีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์ของคุณ
- อายุของผู้ขอทำประกัน โดยส่วนลดจะขึ้นอยู่กับช่วงอายุของเจ้าของรถคันเอาประกันด้วย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถเป็นของตัวเองและมีคนใช้รถไม่เกิน 2 คน ซึ่งถ้าเราระบุชื่อผู้ขับชัดเจน จะได้ส่วนลด 5-20% กรณีผู้อื่นนำรถไปขับและเป็นฝ่ายผิด เจ้าของรถจะต้องจ่ายค่าเสียหายตามจริง แต่ไม่เกิน 8,000 บาท
อายุ (ปี) |
18-24 |
25-35 |
36-50 |
50 ขึ้นไป |
ส่วนลด |
5% |
10% |
15% |
20% |
- ประเภทของรถ รุ่นและยี่ห้อมีผลต่อการคำนวณเบี้ยประกันที่ต่างกัน และเป็นที่แน่นอนว่ารถที่ซ่อมยาก อะไหล่แพง มีระบบที่ซับซ้อน และเป็นรุ่นที่ฮิตในหมู่นักโจรกรรมด้วยแล้วล่ะก็รับรองได้เลยว่า ค่าเบี้ยประกันก็จะต้องสูงตามไปด้วย
- ความคุ้มครองของแบบประกันรถยนต์ ปัจจัยสำคัญที่มีผล ทำให้เบี้ยประกันรถถูกหรือแพง เช่น ประกันชั้น 3 ประกันภัย 3+ ประกันภัย 2+ ไปจนถึงประกันภัย ชั้น 1 ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ายิ่งเบี้ยถูกความคุ้มครอง ก็ย่อมน้อยกว่าประกันที่เบี้ยแพงกว่า ทั้งนี้เจ้าของ รถอาจต้องพิจารณาถึงความจำเป็นว่ารถของตนเองนั้นเหมาะกับประกันรถยนต์ประเภทไหน
ที่สำคัญสิ่งที่เจ้าของรถต้องให้ความสำคัญมากกว่าราคาคือ ความคุ้มครองและความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อบริการหลังการขายอีกด้วย
เทคนิคลดเบี้ยประกันรถยนต์
- ระบุชื่อผู้ขับขี่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีรถเป็นของตัวเอง และมีคนใช้รถไม่เกิน 2 คน เพื่อใช้เป็นส่วนลด เบี้ยประกัน 5-20% โดยการส่วนลดขึ้นอยู่กับ อายุของผู้ขับขี่
- ค่าเสียหายส่วนแรก (Deduct) ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,000 - 5,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายที่คุณตกลงกับบริษัทประกันภัยว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายค่าเสียหายเอง แต่จะจ่ายก็ต่อเมื่อคุณเป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณีเท่านั้น
ตัวอย่าง : ตอนทำประกันรถยนต์คุณระบุ ค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท วันหนึ่งรถเกิดอุบัติเหตุซึ่งคุณเป็นฝ่ายผิดและมีค่าเสียหายทั้งหมด 10,000 บาท กรณีนี้คุณต้องจ่ายเอง 2,000 บาท ส่วนที่เหลือบริษัทประกันจ่าย แต่ถ้าคุณเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินใดๆ
- ส่วนลดประวัติดี คือส่วนลดเบี้ยประกันที่บริษัทประกันมอบให้กับผู้ทำประกัน ซึ่งจะได้ก็ต่อเมื่อรถของคุณไม่มีการเคลมในระหว่างปีที่เอาประกันภัย โดยส่วนลดประวัติดีจะเพิ่มขึ้นในแต่ละปีลดสูงสุด 50% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ
- คุ้มครองมากกว่าหนึ่ง ถ้าคุณมีรถหลายคัน หรือมีญาติพี่น้องที่มีรถ อาจชวนกันมารวมทำประกันที่บริษัทเดียวกันเพื่อต่อรองขอเสนอเบี้ยในราคาพิเศษแบบยกล็อต ซึ่งเป็นอีกช่องทางลดค่าใช้จ่ายให้คุณได้ไม่มากก็น้อย
- ปรับลดทุนประกันประกันรถยนต์ ยิ่งทุนประกันรถมากเบี้ยประกันก็ยิ่งแพง สำหรับใครที่คิดจะลดเบี้ยประกันรถด้วยวิธีลดทุนประกันอาจต้องคิดให้รอบคอบสักนิด ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าเบี้ยได้ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท
- ลดความคุ้มครอง สำหรับผู้ที่คิดว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่จำเป็นสำหรับคุณหรือยอมรับความเสี่ยงได้บางส่วน อาจลดความคุ้มครอง เปลี่ยนมาทำประกันรถ 2+ หรือประกันรถ 3+ ที่ให้ความคุ้มครองคล้ายกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่มีราคาค่าเบี้ยที่ถูกกว่าครึ่ง