เบี้ยดีโดนใจ ประกันภัยชั้น 1 เบี้ยเริ่ม 750 บาท/เดือน พิเศษรับส่วนลดสูงสุด 30% เช็กเบี้ยที่นี่ กับ SILKSPAN

รับมือปัญหาหนูกัดสายไฟรถยนต์ เคลมประกันอย่างไร


รับมือปัญหาหนูกัดสายไฟรถยนต์

หนึ่งในปัญหาชวนปวดหัวที่เจ้าของรถหลายคนอาจคาดไม่ถึงคือการถูกหนูกัดสายไฟรถยนต์ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างความรำคาญ แต่ยังนำมาสู่ความเสียหายร้ายแรงและค่าซ่อมที่บานปลายได้ ปัญหาเล็กๆ ที่ถูกมองข้ามนี้อาจทำให้รถสตาร์ทไม่ติด ระบบไฟรวน หรือแม้กระทั่งเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุม ตั้งแต่การเคลมประกันว่ากรณีแบบนี้ประกันคุ้มครองหรือไม่ โดยเฉพาะประกันรถชั้น 1 ที่หลายคนมี พร้อมแนะนำวิธีป้องกันหนูกัดสายไฟรถที่ทำได้จริง เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างสบายใจไร้กังวล


หนูกัดสายไฟรถยนต์ ปัญหาที่เจ้าของรถไม่ควรมองข้าม

หลายคนอาจคิดว่าหนูตัวเล็กๆ จะสร้างความเสียหายให้รถยนต์ได้อย่างไร แต่ความจริงแล้วฟันของหนูที่แหลมคมสามารถแทะทำลายชิ้นส่วนต่างๆ ในห้องเครื่องได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะ “สายไฟ” ซึ่งมักเป็นเป้าหมายหลัก เนื่องจากหนูมีสัญชาตญาณในการลับฟัน และวัสดุที่ใช้หุ้มสายไฟในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ บางรุ่นยังมีส่วนผสมของพลาสติกที่ทำจากถั่วเหลืองหรือข้าวโพด ซึ่งมีกลิ่นดึงดูดหนูได้เป็นอย่างดี

ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่หนูกัดสายไฟรถยนต์นั้นมีหลากหลายระดับ ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต:

  • ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปกติ : ไฟหน้าปัดโชว์เตือนแปลกๆ, แอร์ไม่ทำงาน, ระบบเครื่องเสียงติดๆ ดับๆ หรือกระจกไฟฟ้าไม่ทำงาน ทั้งหมดนี้อาจเป็นสัญญาณแรกว่าสายไฟบางเส้นถูกกัดจนขาด
  • รถสตาร์ทไม่ติด : หากหนูกัดสายไฟที่สำคัญต่อระบบการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ เช่น สายหัวเทียน หรือสายไฟที่ต่อไปยังกล่อง ECU ก็จะทำให้รถยนต์ของคุณไม่สามารถสตาร์ทได้เลย
  • เครื่องยนต์สะดุดหรือดับกลางทาง : เป็นอาการที่อันตรายอย่างยิ่ง หากสายไฟที่ควบคุมการจ่ายน้ำมันหรือระบบเซ็นเซอร์สำคัญถูกทำลาย อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์และดับลงขณะขับขี่ได้
  • เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้ : นี่คือกรณีที่เลวร้ายที่สุด เมื่อฉนวนหุ้มสายไฟถูกกัดจนทองแดงด้านในโผล่ออกมา หากสายไฟเส้นนั้นไปสัมผัสกับชิ้นส่วนโลหะอื่นๆ หรือสายไฟเส้นอื่น อาจทำให้เกิดการลัดวงจรและเป็นประกายไฟลุกลามจนไหม้รถยนต์ของคุณได้ทั้งคัน

จะเห็นได้ว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย การหมั่นตรวจสอบห้องเครื่องและเรียนรู้วิธีป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนไม่ควรมองข้าม


หนูกัดสายไฟรถยนต์เคลมประกันได้ไหม?

เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว คำถามสำคัญที่ตามมาคือ “หนูกัดสายไฟรถ เคลมประกันได้หรือไม่?” คำตอบคือ เคลมได้ แต่ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณทำไว้ โดยแต่ละกรมธรรม์จะมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป

เงื่อนไขการเคลมประกันรถ

โดยทั่วไปแล้ว การเคลมประกันจากกรณีสัตว์ทำลายหรือกัดแทะสายไฟ จะถูกจัดอยู่ในหมวด “ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ กรณีไม่มีคู่กรณี” หรือ “ภัยอื่นๆ นอกเหนือจากการชน” ซึ่งเงื่อนไขสำคัญในการเคลมมีดังนี้:

  1. ประเภทของกรมธรรม์ : ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประเภทเดียวที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมกรณีนี้อย่างชัดเจน
  2. การแจ้งเหตุ : ผู้เอาประกันต้องรีบแจ้งบริษัทประกันทันทีที่พบความเสียหาย พร้อมทั้งให้ข้อมูลวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน
  3. หลักฐานความเสียหาย : ควรถ่ายรูปร่องรอยความเสียหาย เช่น สายไฟที่ถูกกัด, รอยเท้าหนู, หรือมูลหนูในห้องเครื่อง เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการเคลม
  4. การประเมินความเสียหาย : บริษัทประกันจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและประเมินความเสียหาย (Surveyor) เพื่อพิจารณาการอนุมัติซ่อมและวงเงินความคุ้มครอง

หนูกัดสายไฟรถประกันชั้น 1 คุ้มครองหรือไม่

สำหรับผู้ที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สามารถเบาใจได้เลยว่ากรณีหนูกัดสายไฟรถนั้นได้รับความคุ้มครองอย่างแน่นอน เนื่องจากประกันรถชั้น 1 ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี รวมถึงภัยธรรมชาติและเหตุอื่นๆ ที่ไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้, รถหาย, น้ำท่วม และรวมถึงกรณีที่สัตว์ต่างๆ สร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ด้วย

เมื่อคุณพบว่าหนูกัดสายไฟรถยนต์และคุณมีประกันรถชั้น 1 ให้รีบโทรแจ้งบริษัทประกันของคุณทันที โดยกระบวนการจะเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนแรก (Excess) หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกรมธรรม์ของคุณและข้อตกลงกับบริษัทประกัน


วิธีป้องกันหนูกัดสายไฟรถยนต์

ป้องกันหนูกัดสายไฟรถยนต์

การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ การดูแลรักษารถยนต์เพื่อไม่ให้เป็นที่หมายตาของเหล่าหนู เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงความเสียหายและขั้นตอนการเคลมที่วุ่นวาย ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้:

  1. รักษาความสะอาดในห้องเครื่อง : คราบน้ำมัน เศษอาหาร หรือเศษใบไม้ที่สะสมในห้องเครื่อง เป็นแหล่งดึงดูดหนูชั้นดี ควรทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ อาจจะเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อขจัดคราบสกปรกและกลิ่นที่อาจล่อหนูเข้ามา
  2. หลีกเลี่ยงการจอดรถในพื้นที่เสี่ยง : พยายามไม่จอดรถใกล้กองขยะ, ท่อระบายน้ำ, พงหญ้ารก หรือบริเวณที่มืดและอับชื้น ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหนู หากเลี่ยงไม่ได้ควรมีการป้องกันเสริม
  3. ใช้สเปรย์ไล่หนูโดยเฉพาะ : ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สเปรย์สำหรับฉีดในห้องเครื่องเพื่อไล่หนูโดยเฉพาะ ซึ่งมีกลิ่นที่หนูไม่ชอบแต่ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์และผู้ใช้งาน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและฉีดพ่นตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ
  4. วางลูกเหม็นหรือการบูร : นำลูกเหม็นหรือการบูรใส่ถุงตาข่ายแล้วนำไปวางไว้ตามมุมต่างๆ ในห้องเครื่อง กลิ่นฉุนของมันจะช่วยขับไล่หนูไม่ให้เข้ามาใกล้ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้ตกเข้าไปในส่วนที่เคลื่อนไหวของเครื่องยนต์
  5. ใช้กรงดักหนูหรือกาวดักหนู : หากคุณจอดรถในบ้านและรู้ว่ามีหนูชุกชุม การวางกรงดักหนูหรือถาดกาวไว้บริเวณใต้ท้องรถก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลในการกำจัดต้นตอของปัญหา
  6. เปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้ (เมื่อจอดในที่ปลอดภัย) : หากคุณจอดรถในโรงจอดรถส่วนตัวที่ปลอดภัย การเปิดฝากระโปรงทิ้งไว้จะทำให้ห้องเครื่องสว่างและเปิดโล่ง หนูจะรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่กล้าเข้ามาทำรัง
  7. สตาร์ทรถและใช้งานเป็นประจำ : การจอดรถทิ้งไว้นานๆ เป็นการเปิดโอกาสให้หนูเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย ควรนำรถออกมาขับหรือสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างน้อย 2-3 วันต่อครั้ง เพื่อให้เกิดความร้อนและการเคลื่อนไหวรบกวนหนู

ประกันรถยนต์ช่วยได้อย่างไร

นอกเหนือจากความคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันแล้วประกันรถยนต์โดยเฉพาะประกันรถชั้น 1 ยังมอบความอุ่นใจและช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้อย่างมหาศาล ในกรณีที่หนูกัดสายไฟรถยนต์ประกันจะเข้ามาช่วยจัดการค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทั้งหมดตามวงเงินที่ระบุในกรมธรรม์ ทำให้คุณไม่ต้องควักเงินก้อนโตเพื่อจ่ายค่าสายไฟใหม่หรือค่าแรงช่างซึ่งอาจมีราคาสูงกว่าที่คิด

การมีประกันภัยที่ครอบคลุมจึงเปรียบเสมือนการลงทุนในความปลอดภัยและความสบายใจ ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินจากเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้


ค่าใช้จ่ายซ่อมสายไฟรถยนต์ หากไม่ทำประกัน

หากคุณไม่มีประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองกรณีนี้ คุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งค่าซ่อมนั้นแตกต่างกันไปตามระดับความเสียหายและรุ่นของรถยนต์:

  • เสียหายเล็กน้อย (สายไฟ 1-2 เส้น) : หากเป็นเพียงการต่อสายไฟใหม่ที่ไม่ซับซ้อน ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่ประมาณ 500 – 2,000 บาท
  • เสียหายปานกลาง (สายไฟหลายเส้น หรือจุดที่ซ่อมยาก) : หากหนูกัดสายไฟรถยนต์เป็นกลุ่ม หรือเป็นสายที่เชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์สำคัญ อาจต้องมีการรื้อชิ้นส่วนอื่นเพื่อซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายอาจพุ่งไปถึง 3,000 – 8,000 บาท
  • เสียหายรุนแรง (ต้องเปลี่ยนชุดสายไฟใหม่) : ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากชุดสายไฟหลัก (Wiring Harness) เสียหายหนักจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ การเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก อาจเริ่มต้นตั้งแต่ 15,000 บาท ไปจนถึงหลายหมื่นหรือหลักแสนบาทสำหรับรถยุโรปหรือรถที่มีระบบไฟฟ้าซับซ้อน

เมื่อเทียบกับค่าเบี้ยประกันรถชั้น 1 แล้ว จะเห็นได้ว่าการมีประกันคุ้มครองนั้นคุ้มค่ากว่าการต้องเสี่ยงจ่ายค่าซ่อมราคาแพงด้วยตัวเองอย่างมาก


 

ให้ประกันรถคุ้มครองทุกการเดินทาง ผ่อนประกันรถชั้น 1 0% ที่ SILKSPAN


 


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: หนูกัดสายไฟรถยนต์ เคลมประกันได้ทุกบริษัทหรือไม่?

โดยส่วนใหญ่แล้ว หากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กับบริษัทประกันที่ได้มาตรฐานในประเทศไทยจะให้ความคุ้มครองกรณีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ควรอ่านรายละเอียดในเล่มกรมธรรม์ของคุณเพื่อความแน่ใจ หรือโทรสอบถามกับบริษัทประกันโดยตรง เพราะเงื่อนไขปลีกย่อยบางอย่างอาจแตกต่างกันไป

Q: ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ คุ้มครองกรณีนี้หรือเปล่า?

คำตอบคือ ไม่คุ้มครอง ประกันภัยชั้น 2+ และประกันภัยชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันเฉพาะกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น (รถชนรถ) ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดจากสัตว์กัดแทะอย่างหนูจึงอยู่นอกเหนือเงื่อนไขความคุ้มครอง

Q: ควรทำอย่างไรทันทีเมื่อเจอหนูกัดสายไฟรถยนต์?

  1. อย่าเพิ่งสตาร์ทรถ : การสตาร์ทรถอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและสร้างความเสียหายเพิ่มเติมได้
  2. ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น : เปิดฝากระโปรงและสำรวจดูว่าสายไฟเสียหายมากน้อยเพียงใด มีร่องรอยอื่นๆ หรือไม่
  3. ถ่ายรูปเก็บเป็นหลักฐาน : ถ่ายรูปสายไฟที่ขาด ร่องรอยของหนู และบริเวณที่เกิดเหตุให้ชัดเจน
  4. โทรแจ้งบริษัทประกันภัยทันที : ติดต่อบริษัทประกันของคุณเพื่อแจ้งเหตุและขอคำแนะนำในการดำเนินการขั้นต่อไป
  5. นำรถเข้าอู่/ศูนย์บริการ : ประสานงานกับบริษัทประกันเพื่อนำรถเข้าซ่อมในอู่หรือศูนย์บริการในเครือ

สรุป

ปัญหาหนูกัดสายไฟรถยนต์ หรือปัญหาอื่นอย่างมดเข้าแผงวงจร เป็นภัยใกล้ตัวที่สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าที่คิด การป้องกันที่ดีที่สุดคือการดูแลรักษาความสะอาดของรถและสภาพแวดล้อมที่จอดรถให้ไม่เอื้อต่อการเป็นที่อยู่อาศัยของหนู อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จึงเป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยคุ้มครองและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ว่าไม่ว่ารถของคุณจะเจอกับปัญหาอะไร ก็ยังมีการดูแลและซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม

หากคุณกำลังมองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับรถที่คุณรัก อย่าลืมพิจารณาประกันภัยที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความเสี่ยงของคุณ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลมประกัน หรืออยากติดตามข่าวสาร พร้อมสาระรู้ติดตามได้ที่ช่องทางด้านล่างได้เลย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 16/09/2025
รับข้อเสนอพิเศษ

จองสิทธิ์ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ รับส่วนลดสูงสุด 30% กว่า 20 บริษัทชั้นนำ

  1. ต่ออายุล่วงหน้า รับส่วนลดเพิ่ม สูงสุดกว่า 500 บาท
  2. ผ่อนบัตรเครดิต ผ่อนเงินสด ได้สูงสุด 10 เดือน
  3. ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
  4. ฟรีรถใช้ระหว่างซ่อม หรือ เบิกค่าเดินทาง 1,000 บาท

กรอกข้อมูล เพื่อ “รับข้อเสนอพิเศษ” ต่อประกันรถยนต์

taff-call
“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”
line

กำลังโหลด