
สำหรับรถ EV ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ? ต่างจากรถทั่วไปมากแค่ไหน

ก็ยังคงเป็นประเด็นร้อน ที่ยังหาข้อสรุปกันไม่ลงตัวสักทีเดียว ในเรื่องของ รถไฟฟ้า หรือ รถ EV เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ที่จะเข้ามาพลิกโฉมหน้าแวดวงยานยนต์ให้เปลี่ยนไปจากเดิม ด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด ทดแทนรถยนต์สันดาปแบบเดิม ที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นควัน และปัญหาโลกร้อนอย่างในทุกวันนี้ เรื่องที่ยังเป็นปัญหาคลุมเครือ คือเรื่องของ “ประกันภัยรถยนต์” ยังมีข้อสงสัยอีกมากมาย ว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ถ้าซื้อประกันชั้น 1 จะคุ้มครองอะไรบ้าง ? มีข้อแตกต่างจากรถยนต์โดยทั่วไปหรือไม่ บทความนี้เรามีคำตอบมาฝาก
ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ถ้าในกรณีที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ?
ต้องยอมรับว่าช่วงแรก ๆ ประกันภัยรถยนต์ยังค่อนข้างมีช่องโหว่อยู่หลายจุด สำหรับการให้ความคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้า แต่ในช่วงปี 2567 คปภ. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีการอัปเดตความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ สำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ สำหรับผู้ที่อยากรู้ว่าประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ภาพรวมก็ยังเหมือน ๆ กับความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ธรรมดา แต่จะมีความคุ้มครองพิเศษของรถ EV เพิ่มเข้ามา เช่น
-
คุ้มครองแบตเตอรี่
เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญ นั่นจึงทำให้ราคาของตัวรถเกือบครึ่งต่อครึ่งอยู่ที่แบตเตอรี่ จึงมีความคุ้มครองแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ซึ่งจะให้ความคุ้มครองตามอายุการใช้งานแบตเตอรี่ สำหรับรถใหม่จะเริ่มต้นที่ 100% ลดลงปีละ 10% และจะให้ความคุ้มครองสูงสุดที่ 50% เมื่อรถมีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป
-
คุ้มครองขณะชาร์จแบตเตอรี่
แน่นอนว่ารถไฟฟ้า EV ย่อมใช้พลังงานจากการชาร์จไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งในประกันภัยรถยนต์สำหรับไฟฟ้าที่อัปเดตใหม่ จะให้ความคุ้มครองในขณะที่ชาร์จแบตเตอรี่ในพื้นที่อาศัย กล่าวคือ จะให้ความคุ้มครองในขณะที่ใช้ที่ชาร์จแบตแบบ Wall Box ในบ้านของตนเอง ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมาในขณะที่ชาร์จ เช่น ไฟช็อต ไฟไหม้
ทั้งนี้ทั้งนั้น เงื่อนไขความคุ้มครองก็จะขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง ต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจเลือก

4 ความแตกต่างของ รถยนต์ไฟฟ้า VS รถยนต์สันดาป ที่ส่งผลต่อความคุ้มครอง
น่าจะไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมแล้ว ว่าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประกันชั้น 1 ให้คุ้มครองอะไรบ้าง ? เพราะอย่างที่เรากล่าวไปข้างต้น ความคุ้มครองเบื้องต้นทุกอย่าง แทบจะเหมือนกันทั้งหมด เช่น อุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี , ถูกโจรกรรม , ถูกไฟไหม้ หรือ ภัยธรรมชาติ เป็นต้น ได้เวลามาวิเคราะห์ถึง “ความแตกต่าง” ของความคุ้มครองระหว่าง รถยนต์ไฟฟ้า VS รถยนต์ทั่วไป กันแล้ว ซึ่งเราขอหยิบเอา 4 ข้อที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมากล่าวถึง ดังนี้
1. ราคาของอะไหล่
รถยนต์ไฟฟ้าหลาย ๆ รุ่นในตอนนี้ โดยส่วนมากจะเป็นการนำเข้ามาจำหน่าย นั่นจึงทำให้อะไหล่ของรถค่อนข้างหาได้ยาก และส่วนมากแล้วอะไหล่ของรถยนต์ไฟฟ้า จะไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้ ไม่เหมือนกับรถยนต์สันดาปที่หาอะไหล่ได้ง่ายกว่า ยิ่งเป็นในส่วนของแบตเตอรี่ที่มีราคาแพงม๊ากกก !! ก็เลยทำให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายของรถยนต์ไฟฟ้าแพงกว่า และอาจทำให้ระยะเวลาในการเคลมนานกว่านั่นเอง เนื่องจากอาจจะต้องรออะไหล่นานเป็นพิเศษ
2. จำนวนของศูนย์บริการ
ด้วยความใหม่ของรถ EV ในประเทศไทย นอกจากอะไหล่ที่หาได้ยากเย็นแสนเข็ญ “ช่างผู้เชี่ยวชาญ” ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หายากไม่แพ้กัน การจะเคลมรถยนต์ไฟฟ้า มีทางเดียวคือจะต้องนำรถไปเคลมที่ศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้น ๆ เท่านั้น ไม่เหมือนกับรถยนต์สันดาปที่เลือกได้ว่า จะซ่อมอู่หรือซ่อมห้าง และยังมีตัวเลือกให้ใช้บริการมากกว่า แน่นอนว่านี่ก็ส่งผลให้ระยะเวลาการเคลมนานมากกว่า
3. ความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ
ถ้าลองนำมาเปรียบเทียบกับว่า ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ระหว่าง รถยนต์ไฟฟ้า VS รถยนต์สันดาป จะเป็นว่า เรื่องของน้ำท่วมเป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นที่สุด ถึงรถยนต์ไฟฟ้าส่วนมากจะกันน้ำได้ดี แต่ด้วยสภาพอากาศที่คาดเดาได้ยากของบ้านเรา อาจจะมีน้ำท่วมฉับพลันเกิดขึ้นได้ในหลาย ๆ พื้นที่ รวมถึงสภาพถนนที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง ลูกระนาดเยอะ ด้วยแบตเตอรี่ของรถยนต์ที่อยู่บริเวณใต้ท้องรถ อาจทำให้เกิดการครูดจนได้รับความเสียหายได้ ด้วยสาเหตุต่าง ๆ ที่กล่าวมา จึงส่งผลต่อเบี้ยประกันที่แพงกว่ากันพอสมควรเลยทีเดียว
4. ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่เท่านั้น
แต่เดิมในเรื่องนี้ยังเหมือน ๆ กับรถยนต์สันดาป ในเรื่องของการ “ระบุชื่อผู้ขับขี่” ตอนแรกรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่จำเป็นต้องระบุชื่อผู้ขับขี่ก็ได้ หรือถ้าจะระบุก็สามารถระบุได้สูงสุด 2 คน แต่จากการปรับปรุงความคุ้มครองของ คปภ. ทำให้ผู้ที่ครอบครองรถยนต์ไฟฟ้า แล้วต้องการทำประกันรถยนต์จะต้องระบุชื่อของผู้ขับขี่เท่านั้น ! โดยระบุได้สูงสุดถึง 5 คน หากผู้ขับขี่ไม่ได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อที่ระบุเอาไว้ เมื่อประสบอุบัติเหตุ อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุครั้งนั้น

จริงไหม ? ในอนาคตอันใกล้ รถยนต์ไฟฟ้าจะจ่ายเบี้ยประกันภัยรถยนต์น้อยลง
ช่วงต้นปี 2568 ก็ยังเป็นช่วงที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นกระแสในเมืองไทย มีรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ผลิตออกแบบเดือนชนเดือน ที่สร้างความโกลาหลให้กับวงการประกันภัยรถยนต์ คือเรื่องของ “มูลค่าตัวรถ” ที่บางรุ่นก็ลดราคาลงมาอย่างฮวบฮาบ เกิดจากช่วงนี้เทคโนโลยีใหม่ ๆ มีพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และทุกค่ายต่างก็อยากจะนำเสนอเทคโนโลยีเหล่านั้น ทำให้เกิดปัญหา “รถตกรุ่น” อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเมื่อมูลค่าตัวรถตกลงมา เบี้ยประกันก็ต้องลดลงมาตามด้วย พร้อมกับข่าวดีในเรื่องของการซ่อมบำรุง ที่จะมีตัวเลือกศูนย์ให้บริการมากขึ้น มีช่างผู้เชี่ยวชาญมากกว่าเดิม ทั้งหมดเป็นแนวโน้มที่ดี ซึ่งจะทำให้เบี้ยประกันของรถ EV ลดลงมาในอนาคตอันใกล้นี้
บทส่งท้าย
ความน่าสนใจของบทความนี้ ไม่ใช่ว่ารถยนต์ไฟฟ้า ที่ทำประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง ? แต่เป็นในส่วนของความแตกต่างระหว่าง รถยนต์ไฟฟ้า เมื่อเทียบกับ รถยนต์ธรรมดา เพราะความคุ้มครองนั้นแทบไม่ได้มีสิ่งที่แตกต่างกันมากนัก เชื่อว่าอีกไม่นานเบี้ยประกันของรถยนต์ไฟฟ้าในไทย จะต่ำลงมาอย่างแน่นอน หากใครที่กำลังอยากได้ “ประกันภัยรถยนต์” แต่ยังไม่มีองค์ความรู้ที่ใช้ในการตัดสินใจ SILKSPAN พร้อมมอบบริการดี ๆ ให้กับคุณ เพียงกรอกรายละเอียด เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านล่างบทความนี้เท่านั้น แล้วเราจะรีบติดต่อกลับไปให้เร็วที่สุด