
รับมืออย่างไรดี ? เมื่อรถความร้อนขึ้น หม้อน้ำรถยนต์มีปัญหา มีควันพุ่งออกจากรถ

เรามั่นใจว่าผู้ใช้รถเป็นประจำ น่าจะไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ “รถความร้อนขึ้น” อย่างแน่นอน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่คุณจะต้องนำรถสุดที่รักเข้าไปเช็คที่อู่ แถมยังอาการของตัวรถที่มักจะมีควันพวยพุ่งออกมา ก็ดูแล้วจะน่ากลัวอยู่พอสมควร บทความนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจกับปัญหานี้พร้อม ๆ กัน มาดูกันเลยว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร ? มีสาเหตุจากหม้อน้ำรถยนต์มีปัญหาจริงไหม ? และ ต้องรับมือกับสถานการณ์อย่างไรดี ?
สัญญาณเตือน “รถความร้อนขึ้น” สังเกตได้จากอะไร ?
อาการรถความร้อนขึ้น มักจะมาพร้อมกับสัญญาณเตือนที่เห็นได้ชัด เนื่องจากเมื่อเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท ความร้อนภายในตัวรถจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ภายในรถที่ปกติจะต้องเย็นฉ่ำจากการเปิดแอร์ มีอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนผู้ขับขี่สัมผัสได้ และเมื่อความร้อนรถขึ้นก็มักจะมีอาการเหล่านี้อีกด้วย
เกจวัดความร้อนผิดปกติ
เมื่อความร้อนรถขึ้นจนผิดปกติ ในรถยนต์จะมี “เกจวัดความร้อน” ซึ่งจะแสดงบนหน้าปัดรถยนต์ ในรถรุ่นเก่า ๆ จะเป็นตัวอักษร C และ H ปกติแล้วเข็มควรจะอยู่ตรงกลางของตัวอักษรทั้งคู่ แต่เมื่อรถมีความร้อนขึ้นเข็มจะเบนไปที่ตัว H ส่วนรถรุ่นใหม่ ๆ จะมีไฟเตือนเป็นสัญลักษณ์เทอร์โมมิเตอร์สีแดง
มีควัน หรือไอน้ำพุ่งจากฝากระโปรง
อีกหนึ่งสัญญาณที่พบได้บ่อย และเป็นสัญญาณที่ดูจะน่ากลัวพอสมควร คือการมีควันพวยพุ่งออกมาจากฝากระโปรงรถ สาเหตุของควันมาจากปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นกับ “หม้อน้ำรถยนต์” อาจจะเป็นหม้อน้ำรั่ว หรือ หม้อน้ำแห้ง ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่พบได้บ่อยของปัญหาความร้อนรถขึ้น

สาเหตุหลักที่ทำให้ “เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท”
การที่เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีทจนทำให้มีการแจ้งเตือนบนเกจวัดความร้อน ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เนื่องจากรถยนต์ทุกคันไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ จะมีระบบระบายความร้อนภายในตัวเรื่อง หากปัญหาเกิดขึ้นจึงมีโอกาสสูงมากที่ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของระบบความร้อนอาจจะมีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น
หม้อน้ำรถยนต์มีปัญหา
หม้อน้ำรถยนต์เปรียบเสมือนหัวใจ ของระบบระบายความร้อนในรถยนต์ หากมีปัญหาในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำแห้ง , ใช้น้ำผิดประเภท หรือ หม้อน้ำรั่ว ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้รถความร้อนขึ้นได้ทั้งสิ้น
พัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน
หากพัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน ทำให้ไม่มีลมไหลผ่านหม้อน้ำ จากนั้นความร้อนในรถก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดปัญหาเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีทได้ และมักจะทำให้รถร้อนในขณะที่หยุดนิ่งกับที่
ท่อยางและเข็มขัดรัดหลวม
ท่อยางทำหน้าที่ลำเลียงน้ำหล่อเย็นจากหม้อน้ำ ไปยังระบบระบายความร้อนภายในรถ หากท่อยางมีจุดที่รั่วซึม หรือเข็มขัดรัดบางจุดหลวม ทำให้น้ำหล่อเย็นรั่วไหลจากระบบจนแห้ง สุดท้ายก็จะทำให้รถร้อนนั่นเอง
ปัญหาเครื่องยนต์ หรือปั๊มน้ำ
อีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาความร้อนรถขึ้น คือระบบปั๊มน้ำมีการชำรุดเสียหาย ส่งผลให้แรงดันภายในหม้อน้ำผิดปกติ และน้ำยาหล่อเย็นก็จะไม่ไหลเข้าไปในระบบระบายความร้อน ส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนเกินพิกัดนั่นเอง
“รถโอเวอร์ฮีท” รับมืออย่างไรให้ปลอดภัย ?
เมื่อเกิดปัญหาเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท สิ่งแรกที่ควรต้องทำคือ “ตั้งสติ” หลายคนแตกตื่นจนทำอะไรไม่ถูก หรืออาจตัดสินใจกระทำบางอย่างที่ไม่ควรทำ จนทำให้รถยนต์เกิดความเสียหายหนักไปกว่าเก่า เพราะฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจ ถึงวิธีการรับมือเมื่อรถร้อนกันดีกว่า ดังนี้ !
จอดรถในที่ปลอดภัยทันที
เมื่อสังเกตอาการแล้วว่า ตอนนี้รถโอเวอร์ฮีทไม่ว่าจะเห็นควัน หรือ มีไฟเตือนบนหน้าปัด ให้รีบนำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัยในทันที ไม่ควรฝืนขับรถต่อในขณะที่รถความร้อนขึ้นโดยเด็ดขาด เพราะรถอาจเสียหายหนักได้
ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำทันที
ขณะที่เครื่องยนต์อยู่ในอาการโอเวอร์ฮีท เท่ากับว่าในหม้อน้ำรถร้อนเต็มพิกัด การเปิดหม้อน้ำในตอนนั้นทันที อาจทำให้น้ำเดือด ๆ ในหม้อน้ำระเบิดใส่คุณได้ เป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด
เติมน้ำเมื่อเครื่องเย็นลงแล้ว
เมื่อมีปัญหาเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว รอสักประมาณ 30 นาที ให้เครื่องยนต์เริ่มเย็นลง จากนั้นค่อยเปิดหม้อหม้อน้ำอย่างระมัดระวัง แล้วค่อย ๆ เติมน้ำยาหล่อเย็นลงไปในหม้อน้ำ ย้ำว่า ค่อย ๆ เติม
เรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ
หากตรวจพบแล้วว่า ที่มาของอาการรถโอเวอร์ฮีท ไม่ได้เกิดจากปัญหาที่แก้ได้ง่าย ๆ อย่างหม้อน้ำแห้ง เติมน้ำยาหล่อเย็นไปแล้วรถก็ยังมีอาการอยู่ หรือมีกลิ่นไหม้ในห้องเครื่อง ให้รีบเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาจัดการจะดีที่สุด
เคล็ดลับป้องกัน “ความร้อนรถขึ้น” ก่อนออกเดินทาง
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหารถความร้อนขึ้นกับตัวเอง เพราะอาจทำให้รถยนต์ต้องอยู่ในสภาพที่ขับขี่ไม่ได้ในช่วงใหญ่ ๆ ในบางเคสเมื่อรถมีความร้อนขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายหนัก จนยากจะซ่อมแซมเลยก็มีให้เห็นบ่อย ๆ ดังนั้นมาเรียนรู้เคล็ดลับการป้องกัน ทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหานี้กับตัวเองกันดีกว่า
ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำและน้ำยาหล่อเย็นเป็นประจำ
ปริมาณของเหลวในหม้อน้ำรถยนต์ คือสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากต่อระบบระบายความร้อนของตัวรถ ควรมีการตรวจสอบปริมาณของเหลวเป็นประจำ ถ้าจะให้ดีอย่างน้อย ๆ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือ ก่อนที่จะขับรถเดินทางไกล และอย่าลืมหมั่นเติมน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมอยู่เสมอ
เช็คสภาพพัดลมและระบบระบายความร้อน
ถ้าไม่อยากให้รถเครื่องร้อนจนโอเวอร์ฮีท ต้องหมั่นตรวจสอบอาการผิดปกติของตัวรถ โดยเฉพาะในระบบระบายความร้อน พัดลมทำงานเป็นปกติไหม มีเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากเครื่องยนต์หรือไม่ หรือ สังเกตการรั่วซึมของระบบน้ำยาหล่อเย็น หากพบเห็นให้รีบดำเนินการแก้ไขในทันที
เข้าศูนย์บริการตามระยะ
แม้จะมีการดูแลด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอเพียงใด แต่เมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ก็ควรนำรถเข้ารับการบริการที่ศูนย์บริการ ที่ทำกันบ่อย ๆ ก็จะเป็นในช่วงที่ขับจนครบ 10,000 กิโลเมตร ซึ่งศูนย์บริการมักจะบำรุงส่วนต่าง ๆ ของตัวรถที่อาจชำรุดให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานที่สุด ตัดจบแทบจะทุกปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวรถได้ในที่เดียว
บทส่งท้าย
อีกหนึ่งเคล็ดลับในการป้องกันปัญหา “รถความร้อนขึ้น” คือการใช้น้ำยาหล่อเย็นที่มีประสิทธิภาพ ไม่ควรใช้น้ำเปล่าโดยทั่วไปหากไม่ใช่กรณีที่จำเป็นจริง ๆ เพราะในน้ำทั่วไปแม้จะเป็นน้ำดื่มจะมีแร่ธาตุอยู่ หากนำไปเติมใส่หม้อน้ำอาจทำให้เกิดคราบตะกรัน ซึ่งจะไปอุดตันในระบบระบายอากาศได้
สุดท้ายนี้นอกจากการดูแลรถให้ดี ต้องอย่าลืมมองหาหลักประกันที่ช่วยให้การขับขี่อุ่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ “ประกันภัยรถยนต์” ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้น ในยามที่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน สำหรับท่านใดที่สนใจอยากซื้อประกันภัยรถยนต์ SILKSPAN พร้อมให้คำแนะนำ ช่วยเลือกกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพียงกรอกข้อมูลด้านล่างบทความนี้ แล้วเราจะติดต่อกลับไปโดยเร็วที่สุด