วิธีสังเกตอาการผิดปกติ หลังฉีดวัคซีนโควิด
ตอนนี้หลายๆ คนคงกำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อยู่แน่นอน ถึงแม้ว่าการฉีดวัคซีนอาจทำให้มีผลข้างเคียงหลายแบบ และแตกต่างกันในแต่ละคน ดังนั้นการสังเกตอาการหลังฉีดวัคซีนจึงเป็นเรื่องที่ควรรู้อย่างยิ่ง วันนี้เรามีวิธีการสังเกตอาการต่างๆ มาฝาก
การสังเกตอาการเมื่อได้รับวัคซีนนั้นเริ่มตั้งแต่วินาทีที่ฉีดวัคซีนเสร็จทันที โดยหลังจากที่ฉีดวัคซีนเสร็จ แพทย์หรือพยาบาลจะให้นั่งพักบริเวณที่ฉีดเพื่อรอดูอาการอย่างน้อย 30 นาทีว่ามีอาการแพ้วัคซีนรุนแรงหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่หากมีอาการแพ้วัคซีนร่างกายจะแสดงอาการแพ้ภายใน 5-10 นาทีหลังการฉีด แต่ถ้าหากไม่มีอาการผิดปกติก็กลับมาสังเกตอาการต่อที่บ้าน โดยควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงแรก และหลังจากนั้นให้สังเกตอาการต่ออีก 7 วัน
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน
แบ่งได้สองกลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่รุนแรง กับรุนแรง อาการที่ไม่รุนแรงสามารถหายได้เองภายในเวลา 1-2 วันได้แก่
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีดวัคซีน
- มีไข้ต่ำๆ สามารถทานยาพาราเซตามอล 500 มก. ครั้งละ 1เม็ดได้ แต่ห้ามใช้ยา Brufen, Arcoxia หรือ Celebrex เด็ดขาด
- ปวดหัว
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนเพลีย
ส่วนอาการรุนแรงนั้นมีหลายแบบ ถ้าหากมีอาการต่อไปนี้ให้รีบพบแพทย์ทันที
- มีไข้สูง
- หนาวสั่น
- ปวดหัวรุนแรง
- ใจสั่น
- แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก
- หน้า หรือปากเบี้ยว
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีจุดเลือดออกจำนวนมาก
- มีผื่น หรือตุ่มน้ำพองขึ้น
- บวมตามร่างกาย
- อาเจียนมากกว่า 5 ครั้ง
- ท้องเสีย
- ชัก
- หมดสติ
- ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง
หากแพ้วัคซีนโควิดเข็มแรก ยังฉีดเข็มที่สองได้หรือไม่?
หากมีผลข้างเคียงแบบไม่รุนแรง สามารถฉีดวัคซีนเข็มที่สองได้ แต่หากมีอาการแพ้ชนิดรุนแรง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีนเข็มที่สอง เพื่อหาสาเหตุว่าอาการแพ้ชนิดรุนแรงเป็นจากอะไร และปรับการวัคซีนเข็มที่สองเป็นอีกยี่ห้อที่มีส่วนผสมที่ต่างจากวัคซีนเข็มแรก
ถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว ก็ขอแนะนำให้ยังคงใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เพราะวัคซีนนั้นช่วยให้อาการป่วยรุนแรงลดลงหากติดเชื้อโควิด-19 แต่อาจจะยังสามารถติดเชื้อโควิด-19 ได้อยู่