เบี้ยดีโดนใจ ประกันภัยชั้น 1 เบี้ยเริ่ม 750 บาท/เดือน พิเศษรับส่วนลดสูงสุด 30% เช็กเบี้ยที่นี่ กับ SILKSPAN

7 วิธีเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีอย่างชาญฉลาด ไม่เสียเปรียบเมื่อภัยมาเยือน


7 เทคนิค เรียกค่าสินไหมจากคู่กรณี ให้ได้รับสิทธิ์เต็มที่

จะทำอย่างไรดี ? เมื่อประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน ถ้าต้องการเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีควรทำอย่างไร สำหรับผู้ที่กำลังเกิดความกังวลในตอนนี้ หรืออาจจะอยากหาข้อมูลติดตัวเอาไว้ในยามที่จำเป็น บทความนี้ SILKSPAN ได้นำเอาเรื่องราวของการ “เรียกค่าสินไหม” จากคู่กรณีเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมาฝาก มาดูกันเลย ! ว่าจะเรียกร้องอะไรได้บ้าง เรียกได้เท่าไหร่ และ ควรทำอย่างไรไม่ให้เสียเปรียบในการเลี้ยงร้องค่าสินไหม

 

เรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีคืออะไร สำคัญอย่างไรกับคนที่ทำประกันภัยรถยนต์

การเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณี หากให้อธิบายง่าย ๆ คือ “ค่าเสียหาย” ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่เป็นฝ่ายถูก เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยจะเป็นการเรียกร้องต่อคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด ให้ชดใช้กับความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาพยาบาล , ค่าซ่อมแซมรถ , ค่าทรัพย์สินเสียหาย ไปจนถึง เงินชดเชยต่าง ๆ อีกหลายอย่าง ตามหลักการแล้ว เงินสินไหมจะพิจารณาจาก พรบ. ของฝ่ายผิดเป็นอันดับแรก หากความคุ้มครองไม่เพียงพอ ก็จะเรียกเก็บกับทางประกันภัยรถยนต์ของฝ่ายผิด หากเกินกว่าทั้งสองตัวเลือกที่กล่าวมา ก็จะต้องเป็นผู้ขับขี่ฝ่ายผิดที่รับผิดชอบ

 

รถชนแล้วต้องทำยังไง ? 7 วิธีรับมือ และ เรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีอย่างชาญฉลาด

เชื่อว่าทุก ๆ คน ต่างก็ไม่อยากให้ถึงคราวที่ตนเอง จะต้องไปเรียกร้องค่าสินไหมจากคู่กรณี เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องเข้าใจวิธีการรับมือที่ถูกต้อง โดยต่อจากนี้เป็น 7 วิธีที่จะช่วยให้คุณเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายถูกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

1.  ตั้งสติและประเมินสถานการณ์เบื้องต้นเพื่อความปลอดภัย

หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้ว สิ่งแรกที่ควรนึกถึงคือเรื่องของ “ความปลอดภัย” อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องของการเรียกสินไหมจากคู่กรณี ให้ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตนเองเป็นอันดับแรก จากนั้นตรวจสอบว่าผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยมีใครได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บให้รีบโทรแจ้ง 1669 ในทันที และไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บด้วยตนเองเป็นอันขาด

2. รวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วน กุญแจสำคัญในการ เรียกร้องค่าสินไหมจากคู่กรณี

หัวใจสำคัญของการเรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณีคือ “หลักฐาน” ในปัจจุบันหลักฐานชิ้นสำคัญที่สุด ก็จะเป็นภาพจากกล้องหน้ารถ ที่บันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุเอาไว้ได้ หากไม่มีกล้องหน้ารถของตนเอง ก็ต้องขอกล้องหน้ารถจากคู่กรณี หรือ ภาพจากกล้องวงจรปิดโดยรอบในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่เร่งด่วนหากไม่มีอาการบาดเจ็บมากนัก ก็ให้บันทึกภาพสถานที่เกิดเหตุ ความเสียหายต่าง ๆ เอาไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ

3. แจ้งเหตุบริษัทประกันของคุณทันที

สิ่งที่ทุก ๆ คนควรจำเอาไว้เสมอ เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แล้วตนเองได้ทำประกันภัยรถยนต์เอาไว้คือ “เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน” ของบริษัทประกันภัยรถยนต์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกัน เข้ามาสถานที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด ไม่ควรมีการพูดคุยข้อตกลงต่าง ๆ กับทางคู่กรณี ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันจะมาถึง เพราะอาจทำให้คุณเสียเปรียบเมื่อถึงคราวต้องเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณีได้

4. การประสานงานกับคู่กรณีและ เรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณี

ในเคสที่ไม่มีความซับซ้อน ฝ่ายคู่กรณียอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด และมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันเข้ามาเจรจาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ทำให้เรื่องของการเรียกค่าสินไหมจากประกันคู่กรณีไม่มีอะไรน่ากังวล แต่จะต้องมีการบันทึกข้อตกลงร่วมกัน เป็นเอกสารที่มีรายละเอียดครบถ้วนตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ พร้อมกับมีการขอเบอร์ติดต่อของคู่กรณีเอาไว้ รวมถึงช่องทางติดต่อกับเจ้าหน้าที่บริษัทประกันของฝ่ายคู่กรณีเอาไว้ด้วย

ให้ประกันรถคุ้มครองทุกการเดินทาง ผ่อนประกันรถชั้น 1 0% ที่ SILKSPAN

5. ประเมินความเสียหายและค่าสินไหมที่ควรได้รับอย่างรอบด้าน

เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ความเสียหายอาจไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับตัวรถเท่านั้น อาจจะมีอาการบาดเจ็บของผู้ขับขี่ หรือ ทรัพย์สินต่าง ๆ ภายในรถที่เสียหาย ไปจนถึงการเสียโอกาสต่าง ๆ อีกมากมายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ดังนั้นในการเรียกร้องค่าสินไหมจากคู่กรณี ต้องมองให้รอบด้านว่า “ผลกระทบ” ที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นในทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม จะได้เรียกค่าสินไหมได้ถูกต้อง

6. การเจรจาและไกล่เกลี่ย หาข้อตกลงที่ยุติธรรม

เมื่อมีข้อพิพาทในขั้นตอนการเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณี เช่น ประกันฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมจ่าย หรือ มอบสินไหมค่าชดเชยที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น หากเป็นอย่างที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น ยังไม่จำเป็นจะต้องนำเรื่องไปฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล ให้ทำการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่ “ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัย” ของ คปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการประกอบการธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย

7. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย (หากจำเป็น)

ทางออกสุดท้ายของการเรียกสินไหมจากคู่กรณี เมื่อปัญหาบานปลายเกินกว่าจะไกล่เกลี่ยกันได้ลงตัว หรือ รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายคู่กรณี ให้ “ดำเนินการทางกฎหมาย” ภายใน 1 ปี นับจากวันที่เกิดเหตุ โดยเป็นการยื่นฟ้องในกรณีที่ฝ่ายคู่กรณีไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด แม้จะมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ส่งผลให้กระบวนการเคลมประกันติดขัด หรือ ยื่นฟ้องโดยตรงไปที่บริษัทประกันของฝ่ายคู่กรณี หากถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ เป็นต้น

7 เทคนิค เรียกค่าสินไหมจากคู่กรณี ให้ได้รับสิทธิ์เต็มที่

บทส่งท้าย การเรียกสินไหมจากคู่กรณี ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากรู้ขั้นตอน

เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ ! ว่าการเรียกค่าสินไหมจากคู่กรณี ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องเข้าใจถึงขั้นตอนของการดำเนินการเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะต้องมีสติ ไม่ลืม 7 วิธีการที่เราแนะนำไปในบทความนี้ เพียงเท่านี้โอกาสที่คุณจะถูกเอาเปรียบจากคู่กรณีก็จะน้อยลง สามารถเรียกค่าสินไหมได้ครอบคลุมกับความเสียหายที่ได้เกิดขึ้น

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการทำ “ประกันภัยรถยนต์” ติดรถเอาไว้ เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะเป็นฝ่ายถูก เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเสมอไป หากไม่อยากต้องมาจ่ายค่าสินไหมกับคู่กรณีทั้งหมดด้วยตนเอง สุดท้ายนี้สำหรับท่านใดที่มองหาประกันภัยรถยนต์ แต่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกซื้อกับที่ไหนดี SILKSPAN พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับคุณ เพียงกรอกข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านล่างของบทความนี้เอาไว้ แล้วทีมงานของเราจะติดต่อไปโดยเร็วที่สุด


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 16/06/2025
รับข้อเสนอพิเศษ

จองสิทธิ์ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ รับส่วนลดสูงสุด 30% กว่า 20 บริษัทชั้นนำ

  1. ต่ออายุล่วงหน้า รับส่วนลดเพิ่ม สูงสุดกว่า 500 บาท
  2. ผ่อนบัตรเครดิต ผ่อนเงินสด ได้สูงสุด 10 เดือน
  3. ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
  4. ฟรีรถใช้ระหว่างซ่อม หรือ เบิกค่าเดินทาง 1,000 บาท

กรอกข้อมูล เพื่อ “รับข้อเสนอพิเศษ” ต่อประกันรถยนต์

taff-call
“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”
line

กำลังโหลด