เบี้ยดีโดนใจ ประกันภัยชั้น 1 เบี้ยเริ่ม 750 บาท/เดือน พิเศษรับส่วนลดสูงสุด 30% เช็กเบี้ยที่นี่ กับ SILKSPAN

เคลมประกันรถยนต์ เคลมอย่างไรให้ถูกต้อง หมดห่วงเรื่องเคลมประกัน


เคลมประกัน

สำหรับคนมีรถยนต์ การมีประกันรถยนต์ และการเคลมประกันนั้นเป็นของคู่กัน เป็นสิ่งที่ต้องรู้ไว้ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสียหาย การเข้าใจขั้นตอนและสิทธิประโยชน์จะช่วยให้คุณไม่เสียสิทธิ์ และยังช่วยประหยัดเวลา บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักการเคลมประกัน วิธีการแจ้งเคลม และเคล็ดลับเคลมรถให้ถูกต้องตามขั้นตอน SILKSPAN สรุปจบทุกขั้นตอนมาไว้ที่นี่แล้ว


Key Takeaways

  • การเคลมประกันคือการใช้สิทธิ์รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ เพื่อขอค่าซ่อมรถ หรือค่ารักษาพยาบาลหลังเกิดอุบัติเหตุ
  • การเคลมประกันรถยนต์ มี 2 ประเภทหลัก คือ “เคลมสด” สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทันที และ “เคลมแห้ง” สำหรับความเสียหายเล็กน้อยที่แจ้งเคลมย้อนหลังได้
  • สิ่งสำคัญคือการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ เช่น ภาพถ่าย จากนั้นจึงติดต่อบริษัทประกันเพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ และออกใบเคลมให้
  • การเคลมอาจไม่ได้รับอนุมัติหากผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่, เมาแล้วขับ, ใช้รถผิดประเภท หรือเกิดอุบัติเหตุนอกประเทศไทย
  • การเคลมจะส่งผลให้เบี้ยประกันในปีถัดไปสูงขึ้น เฉพาะในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดเท่านั้น หากคุณเป็นฝ่ายถูก ประวัติการเคลมจะไม่ถูกนำมาพิจารณา

เคลมประกัน คืออะไร

การเคลมประกัน คือ การแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อขอรับความคุ้มครองตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ เช่น การซ่อมรถ การชดใช้ค่าสินไหม หรือค่ารักษาพยาบาลหลังอุบัติเหตุ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณต้องเคลมประกันรถยนต์ บริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่เคลมเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และออกเอกสารเคลมประกันเพื่อใช้ซ่อมรถ ไม่ว่าจะเป็นเคลมรถรอบคัน, เคลมสีรอบคันหรือแม้กระทั่งเคลมสีรถเฉพาะจุดสำหรับประกันรถยนต์ชั้น 1 เพื่อที่จะได้ “ใบเคลม” ก่อนที่จะนำรถเข้าซ่อมในอู่ที่ต้องการได้ในภายหลัง


ทำไมการเคลมประกันจึงสำคัญ?

ทำไมการเคลมประกันจึงสำคัญ

เพราะการเคลมประกันคือสิทธิ์ที่คุณควรได้รับ ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถหลังอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล หรือการช่วยเหลือจากบริษัทประกัน หากไม่เข้าใจขั้นตอน อาจเสียสิทธิ์ไปโดยไม่รู้ตัว


เคลมประกันมีกี่ประเภท?

การเคลมประกันไม่ได้คุ้มครองแค่รถยนต์เพียงอย่างเดียว แต่ยังครอบคลุมหลายด้านตามประเภทของประกันที่เราซื้อไว้ ซึ่งแต่ละแบบก็มีขั้นตอนและเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ดังนี้

 

  • เคลมประกันสุขภาพและชีวิต เหมาะสำหรับกรณีที่ผู้เอาประกันเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ผู้เอาประกันสามารถใช้สิทธิ์การเคลมประกันเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เช่น ค่าห้อง, ค่าผ่าตัด, ค่ายา หรือค่าชดเชยรายวันในช่วงที่นอนโรงพยาบาล โดยส่วนใหญ่สามารถใช้สิทธิเคลมประกันร่วมกับสิทธิ์บัตรทอง หรือประกันสังคมได้ตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
  • เคลมประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น หกล้ม รถล้ม หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ผู้เอาประกันสามารถแจ้งเคลมประกันเพื่อขอค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชย หรือเงินชดเชยรายได้ระหว่างพักฟื้นได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเกิดเหตุรถชนต้องไปโรงพยาบาล ก็สามารถใช้สิทธิ์เคลมประกันอุบัติเหตุควบคู่กับ พ.ร.บ. รถยนต์ได้
  • เคลมประกันทรัพย์สิน เช่น บ้านหรือร้านค้า หากทรัพย์สินที่ทำประกันไว้ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ น้ำท่วม หรือโจรกรรม เจ้าของทรัพย์สินสามารถทำการเคลมประกัน เพื่อขอค่าชดเชยในการซ่อมหรือก่อสร้างใหม่ ซึ่งกระบวนการนี้มักต้องมีการประเมินความเสียหายโดยเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกัน
  • เคลมประกันรถยนต์ เป็นประเภทที่คนไทยรู้จักกันดีที่สุด เพราะรถยนต์มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายบ่อยที่สุด การ เคลมประกันรถยนต์จะครอบคลุมตั้งแต่
    • เคลมสีรถเฉพาะจุด (เฉพาะประกันชั้น 1) : เช่น รถโดนเฉี่ยว รอยขีดข่วนเล็กน้อย
    • เคลมรถรอบคัน : กรณีรถชนหนักหรือมีความเสียหายหลายตำแหน่ง
    • เคลมประกันไม่มีคู่กรณี : เช่น รถถอยชนเสา ไฟท้ายแตก

ผู้เอาประกันสามารถเลือก เคลมสด (เรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ณ จุดเกิดเหตุ) หรือ เคลมแห้ง (แจ้งย้อนหลังแล้วนำรถเข้าซ่อม) ได้ตามความสะดวก


เคลมประกันรถยนต์ มีกี่ประเภท? ต้องรู้!

สำหรับการเคลมประกันรถยนต์ หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยหรือเคยได้ยินคำว่าเคลมสด และเคลมแห้ง ทั้งสองคำนี้เป็นรูปแบบการเคลมประกันรถยนต์เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น มาดูกัน

เคลมประกันแบบสด

การเคลมประกันแบบสด มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า “เคลมสด” เป็นการเคลมประกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที และทำการแจ้งภายในเดี๋ยวนั้น โดยต้องมีความจำเป็นที่จะต้องติดต่อบริษัทประกันรถยนต์ให้ทำการส่งเจ้าหน้าที่เคลมให้เดินทางเข้ามาที่สถานที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการทำเรื่องเคลมให้ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณี ก็สามารถทำการการเคลมประกันแบบสดได้

  • หากมีคู่กรณี : ประกันรถยนต์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+ หรือประกันรถยนต์ 3 ก็เคลมได้ โดยฝ่ายผิดต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกให้กับคู่กรณีก่อนตามที่ตกลงกันกับบริษัทประกันไว้ หรือในบางบริษัทก็จะทำการสำรองจ่ายไปให้ก่อน และจะทำการเรียกคืนภายใน 7 วัน
  • หากไม่มีคู่กรณี : เคลมได้เฉพาะประกันชั้น 1 และต้องจ่ายค่า Excess ต่อเหตุการณ์ ยกเว้นมีหลักฐานระบุคู่กรณีได้ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิด กล้องหน้ารถที่บันทึกเหตุการณ์ที่คู่กรณีเฉี่ยวชน ให้นำไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อใช้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (ทั้ง Deductible และ Excess) และทางบริษัทประกันจะทำการดำเนินการเรียกร้องกับคู่กรณีให้ในภายหลัง ซึ่งจะแตกต่างกับประกันชั้น 2 ที่หากไม่มีคู่กรณีก็จะทำการเคลมไม่ไ้ด

เคลมประกันแบบแห้ง

การเคลมประกันแบบแห้ง หรือที่เรียกกันว่า “เคลมแห้ง” เป็นเคลมประกันกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไปแล้ว และทำการเคลมในภายในหลังในระยะเวลาไม่เกิน 2-3 วัน โดยมักจะเป็นอุบัติเหตุเบา ๆ เช่น เกิดการเฉี่ยวชน สะเก็ดหินกระเด็นใส่ หรือขับรถครูดราวสะพาน แผลที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไม่ใหญ่มาก ไม่ได้กระทบต่อการขับขี่ 

โดยเจ้าของรถ หรือผู้ที่จะเคลมประกันจะต้องมีรายละเอียดการเคลมอย่างชัดเจน เช่น เหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร มีรายละเอียดการเกิดขึ้นที่ไหน วันที่ และเวลาเท่าใด เกิดการชน หรืออุบัติเหตุขึ้นกับสิ่งใด โดยอาจทำการถ่ายรูป หรือคลิปวิดีโอเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แล้วค่อยทำการแจ้งบริษัทประกันเพื่อทำการเคลมในภายหลัง

  • เคลมได้เฉพาะประกันชั้น 1
  • หากไม่มีคู่กรณี บริษัทอาจเรียกเก็บค่า Excess
  • ไม่ว่าจะเคลมสดหรือแห้ง หากเป็นฝ่ายผิด จะมีผลต่อเบี้ยประกันปีถัดไป แต่ถ้าเป็นฝ่ายถูก จะไม่มีผลต่อเบี้ยประกัน

วิธีเคลมประกันรถยนต์ มีขั้นตอนอย่างไร

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะให้เกิด แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว ต้องทำการเคลมประกัน ซึ่งสำหรับหลายคนถึงจะเคยมีประสบการณ์เคลมอยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์จริงก็อาจจะเกิดอาการตกใจ ลนลาน และเริ่มต้นไม่ถูก SILKSPAN สรุปขั้นตอนง่าย ๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว

1. ตรวจเช็กความคุ้มครองในกรมธรรม์

ดูว่าในกรมธรรม์ครอบคลุมการเคลมรถประเภทใดบ้าง

2. เตรียมหลักฐานให้พร้อม

เช่น รูปถ่าย จุดเกิดเหตุ และเอกสารเคลมประกัน

3. ติดต่อบริษัทประกันรถยนต์

โทรสายด่วนหรือแจ้งในแอปพลิเคชันของบริษัทประกันรถยนต์ที่ได้ทำการซื้อประกันไว้ เช่น 

4. กรอกแบบฟอร์มแจ้งเคลม

ยืนยันข้อมูลผู้เอาประกัน และกรอกรายละเอียดเหตุการณ์

5. ส่งเอกสารประกอบการเคลม

แนบสำเนากรมธรรม์ ใบขับขี่ และบันทึกประจำวันหากมีคู่กรณี

6. ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

ตอบคำถามตามจริงเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ

7. ตรวจสอบผลการพิจารณา

ติดตามผลว่าการเคลมประกันได้รับอนุมัติหรือไม่


บริษัทประกันภัย ดำเนินการเคลมอย่างไร?

เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายกับรถยนต์ ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เอาประกันควรรู้ บริษัทประกันภัยจะมีลำดับขั้นตอนชัดเจน ตั้งแต่การรับแจ้งเหตุไปจนถึงการปิดการเคลม เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์ตามความคุ้มครองอย่างครบถ้วน

1. รับเรื่องเคลม

บันทึกรายละเอียดการแจ้งเคลมประกันจากลูกค้า

2. ตรวจสอบอุบัติเหตุ

บริษัทจะตรวจดูว่าตรงตามเงื่อนไขกรมธรรม์หรือไม่

3. ประเมินความคุ้มครองในกรมธรรม์

พิจารณาว่าเป็นเคลมรถรอบคัน หรือเคลมสีรอบคัน

4. พิจารณาเกี่ยวกับการเคลม

ประเมินค่าเสียหายเพื่อซ่อมหรือจ่ายค่าสินไหม

5. ขั้นตอนเสนอค่าสินไหม

ดำเนินการซ่อม หรือจ่ายเงินตามสิทธิ์

6. เคลมประกันตามความคุ้มครอง

ออกเอกสารยืนยันการชำระหรืออนุมัติค่าสินไหม

7. ปิดการเคลม

สรุปผลการดำเนินงาน และแจ้งลูกค้าเพื่อยืนยันว่ากระบวนการเคลมเสร็จสิ้นเรียบร้อย


การเคลมประกันรถถูกปฏิเสธมาจากสาเหตุอะไร

ถูกปฏิเสธการเคลมประกันรถ

ถึงแม้ว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม แต่ก็ยังมีบางกรณีที่การเคลมประกันอาจถูกปฏิเสธได้ เช่น

  1. ใช้รถนอกอาณาเขตประเทศไทย ประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครอง และสามารถให้เคลมได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุภายในประเทศไทยเท่านั้น
  2. ใช้รถในทางที่ผิดกฎหมาย เช่น ขนยาเสพติด, ขับย้อนศร, ขนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย
  3. ใช้งานรถนอกเหนือจากที่กรมธรรม์ระบุไว้ หรือใช้งานผิดประเภท เช่น แจ้งไว้ในกรมธรรม์ว่าเป็นรถส่วนตัว แต่นำรถไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หากเกิดความเสียหาย หรือเกิดอุบัติเหตุประกันจะไม่ให้ความคุ้มครอง และไม่สามารถทำเรื่องเคลมได้
  4. ใช้รถในการก่อจลาจล หรือสงครามกลางเมือง
  5. ไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่ขาดต่อเกิน 3 เดือน
  6. เมาแล้วขับ มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมขึ้นไป

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเคลมประกัน

ทำไมเบี้ยประกันถึงเพิ่มขึ้นหลังการเคลม?

หากคุณเป็นฝ่ายผิดในการเคลม เบี้ยประกันในปีถัดไปจะสูงขึ้นตามประวัติการเคลม แต่ถ้าหากคุณเป็นฝ่ายถูก เบี้ยประกันจะไม่เพิ่มขึ้น

ถ้าไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ต้องเคลมประกันรถยนต์ไหม?

ถึงแม้คุณจะเป็นฝ่ายถูก ก็ควรแจ้งเคลม เพื่อให้บริษัทประกันจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถกับคู่กรณีให้

ประกันชั้น 1 ไม่เคลมอะไรบ้าง?

ประกันชั้น 1 จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท หรือใช้เพื่อการแข่งขัน รวมถึงกรณีเมาแล้วขับ

ประกันชั้น 2 ไม่มีคู่กรณีต้องทำยังไง?

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะไม่คุ้มครองในกรณีที่เคลมประกันไม่มีคู่กรณีอย่างชัดเจน เช่น รอยขูดขีดที่ไม่ใช่การชนกับยานพาหนะ หรือในกรณีที่หาคู่กรณีไม่ได้


 

ให้ประกันรถคุ้มครองทุกการเดินทาง ผ่อนประกันรถชั้น 1 0% ที่ SILKSPAN


เปรียบเทียบประกันรถยนต์ และเคลมประกันได้อย่างมั่นใจกับ SILKSPAN

การเคลมประกัน อาจเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่หากคุณมีประกันรถยนต์ที่เหมาะสมก็จะช่วยให้ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการ เคลมรถรอบคัน หรือ เคลมรถเพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรมองข้าม ควรทำความเข้าใจการเคลมประกันทั้งแบบเคลมสด และเคลมแห้ง เพื่อการเคลมประกันอย่างถูกต้อง และครบถ้วน 

และถ้าคุณกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ จะเลือกประกันรถ บริษัทไหนดี หรือลังเลว่าจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ไหนดี SILKSPAN รวบรวมประกันภัยรถยนต์จากบริษัทชั้นนำกว่า 20 แห่งมาให้คุณได้เลือกสรร ทำประกันออนไลน์ง่าย ๆ กับ SILKSPAN เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านประกันภัยครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


เขียนโดย : Ecomoney
เผยแพร่วันที่ : 22/08/2025
รับข้อเสนอพิเศษ

จองสิทธิ์ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ รับส่วนลดสูงสุด 30% กว่า 20 บริษัทชั้นนำ

  1. ต่ออายุล่วงหน้า รับส่วนลดเพิ่ม สูงสุดกว่า 500 บาท
  2. ผ่อนบัตรเครดิต ผ่อนเงินสด ได้สูงสุด 10 เดือน
  3. ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
  4. ฟรีรถใช้ระหว่างซ่อม หรือ เบิกค่าเดินทาง 1,000 บาท

กรอกข้อมูล เพื่อ “รับข้อเสนอพิเศษ” ต่อประกันรถยนต์

taff-call
“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”
line

กำลังโหลด