
ใส่แว่นกันแดดขับรถตอนฝนตก ช่วยให้มองทางได้ดีขึ้น จริงหรือ

การขับรถตอนฝนตกถือเป็นความท้าทายที่หลายคนเผชิญในชีวิตประจำวัน ทัศนวิสัยลดลงจากฝนที่สาดกระจก แสงสะท้อนจากถนนเปียก และความมืดครึ้มของท้องฟ้า ทำให้มีคำแนะนำบนโลกออนไลน์ว่า “ใส่แว่นกันแดดตอนฝนตกจะช่วยให้มองชัดขึ้น” แล้วเรื่องนี้จริงหรือแค่ความเชื่อ? มาทำความเข้าใจพร้อมกันว่าแว่นกันแดดช่วยอะไรได้จริงหรือไม่ และจะใช้อย่างไรให้ปลอดภัยสูงสุด
หลายคนอาจมองว่าแว่นตากันแดดมีไว้สำหรับใช้กลางวันในช่วงแดดจัดเท่านั้น แต่ความจริงแล้วแว่นตาบางชนิด โดยเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่โดยเฉพาะ อาจมีบทบาทช่วยปรับทัศนวิสัยในสภาพแสงที่ยากลำบาก เช่น ฝนตก ฟ้าหม่น หรือถนนสะท้อนน้ำ แต่ประโยชน์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อใช้แว่นที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่เหมาะสมเท่านั้น
ขับรถท่ามกลาง “ฝนตก” ทัศนวิสัยไม่ดี…จำเป็นต้องใส่ “แว่นกันแดด” หรือไม่?
ฝนตกทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงจริง ไม่ว่าจะเป็นแสงสะท้อนจากถนนเปียก แสงสลัว หรือไอน้ำที่เกาะกระจกหน้า หลายคนก็ต้องใส่แว่นตาสำหรับขับรถ และบางคนเลือกใส่แว่นกันแดดเพื่อช่วยลดแสงสะท้อนและมองชัดขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ฝนตกเบาและยังมีแสงจากธรรมชาติอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม แว่นกันแดดที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้การมองเห็นแย่ลงกว่าเดิม จึงต้องเลือกใช้ให้ถูกประเภท
การขับรถตอนฝนตกนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของทัศนวิสัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงต่อการเบรกไม่ทัน ถนนลื่น หรือแม้แต่การมองไม่เห็นเส้นถนนชัดเจน ดังนั้น การจะใช้แว่นกันแดดขณะฝนตกควรต้องประเมินทั้งระดับของแสงและความสามารถของเลนส์ที่ใช้ร่วมด้วย
เข้าใจ “แว่นกันแดด” และประเภทเลนส์ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่
“แว่นตากันแดด” ปกติ ช่วยอะไรได้บ้าง?
แว่นกันแดดทั่วไปมักใช้เลนส์สีเข้ม เช่น สีเทา ดำ หรือน้ำตาล ช่วยลดความจ้าและกรองรังสี UV จากดวงอาทิตย์เปรียบเสมือนการทาครีมกันแดดให้กับดวงตา ทำให้สบายตาขณะขับรถในวันที่แดดแรง และลดอาการเพ่งสายตาในแสงจ้าได้ดี
ข้อดี :
- ลดแสงจ้า ช่วยให้ดวงตาไม่ล้า โดยเฉพาะผู้ที่ขับรถทางไกล
- ป้องกันรังสี UV ที่อาจเป็นอันตรายต่อจอประสาทตา
- บางรุ่นมี coating พิเศษ ช่วยป้องกันฝุ่นละอองหรือแรงลมกระแทก
ข้อจำกัด :
- ไม่เหมาะกับสภาพแสงน้อย เช่น ฝนตกหนัก หรือช่วงโพล้เพล้ที่ต้องการการมองเห็นชัด
- ไม่ช่วยลดแสงสะท้อนจากถนนเปียกหรือกระจก อาจทำให้ภาพมืดจนขาดรายละเอียดสำคัญ

“เลนส์โพลาไรซ์ คือ” อะไร? ทำไมจึงต่างออกไป?
เลนส์โพลาไรซ์ คือ เลนส์ชนิดพิเศษที่ช่วยลดแสงสะท้อนจากพื้นผิวแนวนอน เช่น น้ำบนถนนหรือกระจกหน้ารถ เหมาะกับผู้ขับขี่ในเวลากลางวัน โดยเฉพาะเมื่อถนนเปียกหรือหลังฝนตกใหม่ ๆ ซึ่งมักเกิดแสงสะท้อนรบกวนจากแสงอาทิตย์สะท้อนพื้นเปียก
ข้อดี :
- ลดแสงสะท้อน เพิ่มความคมชัดในการมองเห็นพื้นผิวถนน
- ช่วยให้มองเห็นเส้นจราจรหรือหลุมบ่อได้ชัดเจนขึ้น
- ลดอาการล้าของดวงตาในการขับขี่ระยะไกลอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรระวัง :
- ไม่เหมาะสำหรับขับรถเวลากลางคืนหรือฝนตกหนักที่มีแสงน้อย เพราะอาจทำให้มองเห็นไม่ชัด
- อาจรบกวนการมองหน้าจอ HUD หรือจอแสดงผลบางชนิดในรถยนต์ที่ใช้แสงโพลาไรซ์ในการแสดงภาพ
ข้อดีและข้อควรระวังการ “ขับรถตอนฝนตก” กับ “แว่นกันแดด“
ประโยชน์ของ “แว่นโพลาไรซ์ขับรถตอนฝนตก” (ในบางกรณี)
- ลดแสงสะท้อนจากถนนเปียกได้ดีเมื่อยังมีแสงธรรมชาติพอเพียง
- เพิ่ม contrast ทำให้เห็นเส้นถนนหรือพื้นต่างระดับชัดเจนขึ้น
- เหมาะกับฝนโปรยเบา หรือหลังฝนตกที่ถนนยังเปียกแต่ไม่มีน้ำขัง
ข้อควรระวังเมื่อใส่ “แว่นขับรถ” ขณะฝนตก
- อย่าใช้แว่นเลนส์โพลาไรซ์เข้มในสภาพแสงน้อย เพราะจะทำให้ภาพมืดเกินไปจนมองไม่เห็นสิ่งกีดขวาง
- หลีกเลี่ยงเลนส์ไม่มีคุณภาพหรือราคาถูก ที่อาจบิดเบือนภาพหรือไม่กรอง UV อย่างแท้จริง
- ตรวจสอบว่าเลนส์มีมาตรฐานรับรอง เช่น ANSI, CE หรือมาตรฐานเลนส์ขับขี่เฉพาะทาง
ทริคสำคัญเพื่อทัศนวิสัยที่ดีในยาม “ฝนตก” โดยไม่ต้องพึ่ง “แว่นกันแดด“
การดูแลรักษา “ไล่ฝ้ากระจกหน้า” และกระจกหลัง
- ตรวจสอบระบบไล่ฝ้ากระจกทำงานปกติ เช่น ลมเป่า, ฮีตเตอร์ และไส้กรองอากาศภายในรถ
- ใช้ผ้าชุบน้ำยาหรือเปิดแอร์ช่วยไล่ฝ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ไอน้ำบดบังการมองเห็น
ตรวจสอบสภาพยางปัดน้ำฝน
- เปลี่ยนยางปัดน้ำฝนปีละครั้งหรือเมื่อลายใบปัดเริ่มเสื่อม
- ใช้น้ำยาเคลือบกระจกหรือเคลือบกันน้ำ ช่วยให้น้ำไหลเร็ว ไม่จับเป็นแผ่น
ลดความเร็วและเพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้า
- ถนนลื่นทำให้ระยะเบรกยาวขึ้น อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- เว้นระยะ 2–3 วินาทีจากรถคันหน้าเสมอ และอย่าขับจี้ท้ายรถใหญ่ที่บดบังทัศนวิสัย
- หลีกเลี่ยงการเบรกกระทันหันหรือเปลี่ยนเลนบ่อย ซึ่งอาจทำให้รถเสียหลัก
สรุปความปลอดภัยต้องมาก่อน เลือกอุปกรณ์ “ขับรถ” อย่างเหมาะสม
การใส่แว่นกันแดดขณะขับรถตอนฝนตกอาจช่วยได้ “บางสถานการณ์” โดยเฉพาะเลนส์โพลาไรซ์ขับรถในเวลากลางวันที่ถนนเปียก แต่ไม่ใช่ทางออกเสมอไป เพราะหากใช้ผิดเวลา หรือเลือกแว่นขับรถที่ไม่เหมาะสม ก็อาจกลายเป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม
สิ่งที่สำคัญคือการเตรียมรถให้อยู่ในสภาพพร้อม ตรวจสอบไฟหน้า ใบปัดน้ำฝน ระบบไล่ฝ้า และขับขี่ด้วยความระมัดระวัง หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะขับขณะฝนตก การมี “ประกันภัยรถยนต์” ที่ครอบคลุมและเคลมไว ย่อมทำให้คุณมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยตลอดทาง
หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาคุ้มค่า เคลมไว บริการฉุกเฉิน 24 ชม. ลองเปรียบเทียบได้ที่ SILKSPAN แพลตฟอร์มประกันออนไลน์อันดับ 1 ที่ให้คุณเลือกได้จากหลายบริษัทชั้นนำ พร้อมข้อเสนอพิเศษสุดเฉพาะลูกค้าออนไลน์!