
ต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2568 มีขั้นตอนอย่างไร และต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

แม้ว่าในปัจจุบันนี้จะสามารถต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ได้แล้ว แต่การต่อใบขับขี่นั้น หลายคนอาจจะคิดว่าไม่สามารถต่อผ่านออนไลน์ได้ และต้องไปดำเนินการทุกขั้นตอนที่กรมขนส่งด้วยตนเอง แต่รู้หรือไม่ว่าขณะนี้ ทางกรมการขนส่งทางบกได้ออกมาตรการการต่อใบขับขี่ออนไลน์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และลดเวลาในการดำเนินการลง โดยจะมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบ!
Key Takeaway
- ต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ง่าย ๆ แค่อบรมออนไลน์ผ่านระบบ DLT E-Learning แต่การยื่นเอกสาร ทดสอบสมรรถภาพ และรับใบขับขี่ต้องทำที่สำนักงานขนส่งฯ
- การต่ออายุใบขับขี่ชนิด 5 ปี อบรม 1 ชั่วโมง ส่วนใบขับขี่ที่ขาดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป หรือใบขับขี่ชั่วคราวสิ้นอายุเกิน 3 ปี ต้องอบรม 2 ชั่วโมง (ผลอบรมมีอายุ 90 วัน)
- เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม ได้แก่ บัตรประชาชน, ใบขับขี่เดิม, ใบรับรองแพทย์ (ไม่เกิน 1 เดือน) และผลการอบรมออนไลน์ (ถ้ามี)
ขาดต่อใบขับขี่มีผลเสียกว่าที่คิด เสี่ยงถูกปรับ และอาจส่งผลต่อการได้รับค่าสินไหมทดแทน จากประกันรถยนต์หากเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงขั้นตอนการต่ออายุจะซับซ้อนขึ้น
ขั้นตอนการอบรมใบขับขี่ออนไลน์
เพื่อให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับการอบรมใบขับขี่ออนไลน์กับทางกรมการขนส่งทางบกได้สะดวกมากที่สุด SILKSPAN ได้รวบรวมขั้นตอนและรายละเอียดในการเข้าอบรมออนไลน์มาเพื่อคุณตั้งแต่ต้นจนจบ
สำหรับการเข้าอบรมออนไลน์เพื่อต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์นั้น คุณสามารถเข้าระบบการอบรม DLT e-learning ผ่านอุปกรณ์ทุกรูปแบบที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ / สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต

ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน ต่อก่อนปลอดภัยก่อน
หลายคนคงเคยมีความสงสัยว่าต่อใบขับขี่สามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้หรือไม่ คำตอบคือ ใบขับขี่สามารถต่ออายุล่วงหน้าได้ โดยกรมการขนส่งทางบกอนุญาตให้ผู้ขับขี่สามารถทำการต่ออายุใบขับขี่ได้ล่วงหน้าสูงสุด 180 วัน หรือ 6 เดือน ก่อนวันหมดอายุของใบขับขี่เดิม การวางแผนต่อใบขับขี่ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณมีเวลาเตรียมตัวสำหรับขั้นตอนการต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และการอบรมได้อย่างสบายใจ
ต่อใบขับขี่ชนิดชั่วคราวจาก 2 ปี เป็น 5 ปี
สำหรับผู้ที่ถือใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลชนิดชั่วคราว 2 ปี และต้องการต่อใบขับขี่เพื่อเปลี่ยนเป็นชนิด 5 ปี นี่คือขั้นตอนการต่อใบขับขี่ เอกสารที่ต้องเตรียม พร้อมข้อมูลค่าธรรมเนียมต่อใบขับขี่ที่ควรทราบ
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ชนิดชั่วคราวจาก 2 ปี เป็น 5 ปี
- จองคิว : ทำการจองคิวทำใบขับขี่ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก (gecc.dlt.go.th) เพื่อกำหนดวันและเวลาที่สะดวกในการดำเนินการการต่อใบขับขี่
- อบรม : เข้ารับการอบรม 1 ชั่วโมง สำหรับการต่อใบขับขี่ประเภทนี้ ซึ่งสามารถเลือกอบรมใบขับขี่สาธารณะออนไลน์ ผ่านระบบ E Learning ต่อใบขับขี่ ของกรมการขนส่งทางบกได้
- เอกสารที่ต้องเตรียม : สามารถเตรียมเอกสารเองง่าย ๆ โดยสิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- ใบขับขี่เดิม
- บัตรประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์ที่มีอายุไม่เกิน 30 วัน
- เอกสารผลการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
- ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย : ผู้ขอต่อใบขับขี่จะต้องทดสอบสมรรถภาพ ณ สำนักงานขนส่ง ได้แก่ การทดสอบการมองเห็นสี (เขียว เหลือง แดง), การมองเห็นในแนวลึก, การมองเห็นทางกว้าง และการตอบสนองของเท้าในการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ
- ชำระค่าธรรมเนียม ถ่ายรูป และรับใบขับขี่ : หลังจากการทดสอบเพื่อต่อใบขับขี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว นำเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานขนส่ง ทำการชำระค่าธรรมเนียมต่อใบขับขี่ 505 บาท (500 บาทค่าใบขับขี่ และ 5 บาทค่าคำขอ) ถ่ายรูปเพื่อใช้ประกอบใบขับขี่ใหม่ และรอรับใบอนุญาตขับขี่
เอกสารในการต่อใบขับขี่ชนิด 2 ปี เป็น 5 ปี
- ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชนิดชั่วคราว (2 ปี) ฉบับจริง
- บัตรประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือน นับจากวันที่ออก)
- เอกสารผลการอบรมออนไลน์ (กรณีอบรมผ่านระบบ E-Learning)
ต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปี เป็น 5 ปี ขับขี่ได้ยาวนานกว่าเดิม
การต่อใบขับขี่จากชนิด 5 ปี เป็น 5 ปี เป็นการต่อใบขับขี่ที่ผู้ขับขี่ต้องทำเป็นประจำเมื่อใบอนุญาตใกล้หมดอายุ เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือขั้นตอนการต่อใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เอกสารที่ต้องใช้ และข้อมูลค่าธรรมเนียมต่อใบขับขี่
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปี เป็น 5 ปี
- จองคิว : ทำการจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก (gecc.dlt.go.th) เพื่อดำเนินการการต่อใบขับขี่เช่นเดียวกับการต่ออายุชนิด 2 ปี เป็น 5 ปี
- อบรม : เข้ารับการอบรม 1 ชั่วโมง ซึ่งสามารถเลือกอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านระบบ E-Learning ได้ เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา
- ทดสอบสมรรถภาพ : ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายที่สำนักงานขนส่ง เช่น การทดสอบการมองเห็นสี, การมองเห็นในแนวลึก, การมองเห็นทางกว้าง และการตอบสนองของเท้า
- ยื่นเอกสารและชำระค่าธรรมเนียม : ยื่นเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ต่อเจ้าหน้าที่ และชำระค่าธรรมเนียมต่อใบขับขี่
- ถ่ายรูปและรับใบขับขี่ : ถ่ายรูปเพื่อใช้ประกอบใบขับขี่ใหม่ และรอรับใบอนุญาตขับขี่ชนิด 5 ปี
เอกสารในการต่อใบขับขี่ชนิด 5 ปี เป็น 5 ปี
- ต่อใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ หรือใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี ฉบับจริง
- บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์ (ออกให้ไม่เกิน 1 เดือน)
- ผลการอบรม E-Learning (กรณีอบรมผ่านช่องทางออนไลน์)
ทำใบขับขี่ใหม่ เริ่มต้นสู่การเป็นนักขับขี่ที่ถูกต้อง
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และต้องการเริ่มต้นทำใบขับขี่ใหม่ในปี 2568 นี้ ขั้นตอนอาจดูซับซ้อนกว่าการต่อใบขับขี่เล็กน้อย แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อความปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมาย
ขั้นตอนการทำใบขับขี่ใหม่
- จองคิวและลงทะเบียน : จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อเข้ารับบริการที่สำนักงานขนส่ง
- อบรมภาคทฤษฎี : เข้ารับการอบรมกฎจราจร และมารยาทในการขับรถที่สำนักงานขนส่ง หรืออาจมีส่วนที่สามารถอบรมผ่าน ระบบ E-Learning ทำใบขับขี่ผ่านการรับชมวิดีโอผ่านของทางกรมขนส่ง
- สอบข้อเขียน : ทำการทดสอบข้อเขียนเกี่ยวกับกฎจราจร สัญญาณจราจร และเครื่องหมายจราจรต่าง ๆ
- ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย : เหมือนกับการต่อใบขับขี่ คือการมองเห็นสี, การมองทางลึก, ทางกว้าง และปฏิกิริยาเท้า
- สอบปฏิบัติ : ทดสอบขับรถตามท่าที่กำหนด เช่น ท่าถอยหลังเข้าซอง, ท่าเดินหน้าและหยุดเทียบฟุตบาท
- ยื่นเอกสารและชำระค่าธรรมเนียม : เมื่อสอบผ่านทุกขั้นตอน ให้นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ พร้อมชำระค่าธรรมเนียมทำใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี 200 บาท และค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็น 205 บาท
- ถ่ายรูปและรับใบขับขี่ : ถ่ายรูปเพื่อออกใบขับขี่ชนิดชั่วคราว 2 ปี
เอกสารในการต่อใบขับขี่ใหม่
- บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือนก่อนวันทำใบขับขี่)
ต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ไหม? ทำอย่างไร?
หลายคนอาจสงสัยว่าการต่อใบขับขี่สามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้เลยหรือไม่ คำตอบคือ ปัจจุบันต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ยังไม่สามารถทำได้แบบ 100% แต่คุณสามารถเข้ารับการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ และอบรมใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ออนไลน์ผ่านระบบ E-Learning ของกรมการขนส่งทางบกได้ เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางไปอบรมที่สำนักงานขนส่ง
หลังจากอบรมผ่านออนไลน์แล้ว คุณจะต้องเดินทางไปทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ยื่นเอกสาร และรับใบขับขี่จริงที่สำนักงานขนส่งฯ โดยตรง สามารถเข้าสู่ระบบการอบรม DLT E-Learning ผ่านอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต ผ่านเว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/
ใบขับขี่รูปแบบไหนที่สามารถอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้บ้าง?
สำหรับการต่อใบขับขี่ออนไลน์นั้น จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจให้ดีเกี่ยวกับชั่วโมงการอบรม เนื่องจากถ้าหากอบรมไม่ครบจำนวนชั่วโมง อาจจะทำให้คุณไม่สามารถต่อใบขับขี่หรือทำใบขับขี่ใหม่ได้ ซึ่งรายละเอียดของการเข้าอบรมนั้น มีข้อมูลดังต่อไปนี้
- ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) อบรม 1 ชั่วโมง
- ใบอนุญาตขับรถขนส่ง (ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถส่วนบุคคลชนิดที่ 1-4, ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทุกประเภทชนิดที่ 1-4) อบรม 2 ชั่วโมง
- ใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ) อบรม 3 ชั่วโมง
- ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลที่ขาดต่ออายุเกิน 1 ปีขึ้นไป (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) อบรม 2 ชั่วโมง
- ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราวที่สิ้นอายุเกิน 3 ปี (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ) อบรม 2 ชั่วโมง
หมายเหตุ : ผลการอบรมการต่ออายุใบอนุญาตขับรถมีอายุ 90 วันนับจากวันที่ผ่านการอบรมเท่านั้น
ขาดต่อใบขับขี่จะเป็นอะไรไหม? ความเสี่ยงที่มาพร้อมความประมาท
การปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุโดยไม่ได้ดำเนินการต่ออายุใบขับขี่อาจนำมาซึ่งผลกระทบหลายประการที่คุณคาดไม่ถึง ไม่ใช่แค่เรื่องของความไม่สะดวกในการขับขี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลทางกฎหมายและความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์ด้วย
- ผิดกฎหมายและมีโทษปรับ หากขับขี่โดยใบขับขี่หมดอายุ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายจราจร ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- หมดสิทธิ์ความคุ้มครองจากประกัน หากเกิดอุบัติเหตุ และใบขับขี่ของคุณขาดอายุ บริษัทประกันรถยนต์อาจพิจารณางดเว้นหรือลดค่าสินไหมทดแทนที่คุณจะได้รับ เนื่องจากถือว่าเป็นการขับขี่โดยผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้ที่มีประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ 2+ หรือประกันรถยนต์ 3+ ควรตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด
- ขั้นตอนการต่ออายุยุ่งยากขึ้น หากขาดต่อใบขับขี่เกิน 3 ปีขึ้นไป คุณอาจจะต้องเข้ารับการอบรมใหม่ทั้งหมด หรือแม้กระทั่งสอบข้อเขียนและสอบปฏิบัติใหม่ เหมือนกับการทำใบขับขี่ครั้งแรก ทำให้ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ซับซ้อนและใช้เวลานานขึ้น
ต่อใบขับขี่ เพื่อความปลอดภัยทุกเส้นทาง
การต่อใบขับขี่ไม่ใช่เพียงแค่การทำตามกฎหมาย แต่คือการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน การมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ที่ถูกต้อง และไม่ขาดอายุ นอกจากจะทำให้คุณขับขี่ได้อย่างสบายใจแล้ว ยังมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับสิทธิ์และความคุ้มครองเต็มที่จากประกันภัยรถยนต์เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
นอกเหนือจากการต่อใบขับขี่แล้ว การต่อพรบรถยนต์และการทำประกันรถยนต์ที่เหมาะสม ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม และหากคุณกำลังจะดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์รถ ก็อย่าลืมศึกษาและเตรียมเอกสารโอนรถให้ครบถ้วนเช่นกัน
สำหรับผู้ที่มองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการต่อใบขับขี่, การต่ออายุใบขับขี่, หรือการต่อใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ รวมถึงวิธีต่อใบขับขี่ และกำลังสงสัยว่าต่อใบขับขี่เสียเงินเท่าไหร่ สามารถตรวจสอบข้อมูลล่าสุดได้ที่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก หรือหากต้องการคำแนะนำเรื่องประกันรถยนต์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ SILKSPAN ก็มีคำตอบให้ผ่านระบบ Chatbot AI ที่จะอำนวยความสะดวกให้คุณได้ทุกเมื่อ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : SILKSPAN
- Instagram : silkspan
- Line Official : @SILKSPAN
- X (twitter) : SILKSPAN
- Youtube : SILKSPAN
- TikTok : silkspan