ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม? เรื่องที่คนมีรถต้องรู้ก่อนยื่นภาษี
เมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลยื่นภาษี หลายคนที่เพิ่งถอยรถใหม่หรือจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไปก้อนโต มักเกิดคำถามยอดฮิตว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์เหล่านี้สามารถนำมาช่วยประหยัดภาษีได้หรือไม่ เพราะค่าใช้จ่ายในการดูแลรถถือเป็นภาระก้อนใหญ่ในแต่ละปี การวางแผนภาษีที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น บทความนี้ SILKSPAN จะพาไปไขข้อข้องใจว่า สรุปแล้ว ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม? และมีค่าลดหย่อนอะไรบ้างที่คุณไม่ควรพลาด เพื่อให้การยื่นภาษีของคุณในปีนี้คุ้มค่าที่สุด
Key Takeaways
- ประกันรถยนต์ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1, ชั้น 2+ หรือชั้น 3+ เนื่องจากภาครัฐมองว่าเป็นความสมัครใจและไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพเหมือนสุขภาพ
- ประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่ ประกันชีวิต (สูงสุด 100,000 บาท), ประกันสุขภาพ (สูงสุด 25,000 บาท) และประกันแบบบำนาญ ซึ่งช่วยวางแผนการเงินระยะยาว
- แม้ประกันภัยรถยนต์จะลดหย่อนภาษีไม่ได้ แต่ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการคุ้มครองความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจทำให้เสียทรัพย์สินจำนวนมากโดยไม่คาดคิด
การลดหย่อนภาษี คืออะไร
ก่อนจะไปดูว่าประกันรถยนต์ลดหย่อนภาษีได้ไหม SILKSPAN อยากชวนคุณทำความเข้าใจกับคำว่า “การลดหย่อนภาษี” กันก่อน
การลดหย่อนภาษีคือสิทธิประโยชน์ที่กฎหมายกำหนดให้ผู้เสียภาษีสามารถนำรายการค่าใช้จ่ายบางประเภท มาหักออกจาก “เงินได้พึงประเมิน” (รายได้รวมทั้งปี) ก่อนที่จะนำไปคำนวณภาษีตามฐานภาษีแบบขั้นบันได
พูดง่าย ๆ ก็คือ รายการลดหย่อนเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยลดฐานรายได้ของคุณลง ทำให้คุณเสียภาษีน้อยลง หรืออาจได้รับเงินคืนภาษีกลับมานั่นเอง ซึ่งรัฐบาลมักจะกำหนดรายการลดหย่อนเพื่อสนับสนุนนโยบายต่าง ๆ เช่น การออมเงินระยะยาวผ่านกองทุน การดูแลสุขภาพ หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น
ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม?

คำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับคำถาม ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม? คือ “ไม่ได้” ไม่ว่าคุณจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2+ , ประกันรถยนต์ 3+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 3 และไม่ว่าเบี้ยประกันที่คุณจ่ายไปจะสูงแค่ไหน ก็ไม่สามารถนำมาใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้
สาเหตุที่ประกันรถยนต์ใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ เป็นเพราะกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า ค่าลดหย่อนจะต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต สุขภาพ หรือการสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้กับประชาชน (เช่น ประกันชีวิต หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ซึ่งประกันรถยนต์และประกันวินาศภัยส่วนใหญ่ ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของความคุ้มครองทรัพย์สินและความสมัครใจส่วนบุคคล จึงไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้นทางภาษี
รวมถึงกรณีคำถาม ซื้อรถยนต์ลดหย่อนภาษีได้ไหม คำตอบก็คือไม่ได้เช่นกัน ยกเว้นแต่จะมีมาตรการพิเศษจากรัฐบาลออกมาในช่วงเวลานั้น ๆ เช่น โครงการช้อปดีมีคืน (ในบางปีที่มีเงื่อนไขเฉพาะ) แต่โดยสถานการณ์ปกติ ค่าผ่อนรถหรือค่าซ่อมรถจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนได้
ประกันรถยนต์ลดย่อนภาษีไม่ได้ แต่ทำไมยังสำคัญ?
ถึงแม้ประกันรถยนต์จะเอาไปลดหย่อนภาษีไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าประกันรถยนต์ไม่มีความจำเป็น เพราะหน้าที่หลักของประกันรถยนต์ คือการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของคุณ
ลองจินตนาการดูว่าหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถชน รถหาย รถไฟไหม้ หรือรถถูกน้ำท่วม ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอาจสูงหลักแสนหรือหลักล้านบาท ซึ่งมากกว่าภาษีที่เราประหยัดได้หลายเท่าตัว การมีกรมธรรม์ประกันรถยนต์ติดรถไว้จึงเปรียบเสมือนการมีเกราะป้องกันเงินเก็บของเราไม่ให้หายวับไปกับอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว
โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครบจบที่สุดหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ที่คุ้มครองรถหายและไฟไหม้ สิ่งเหล่านี้คือการลงทุนเพื่อความอุ่นใจในการใช้ชีวิต ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้การวางแผนภาษีเลยทีเดียว
รวมประกันที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ มีอะไรบ้าง
เมื่อผิดหวังจากประกันรถยนต์ไปแล้ว อย่าเพิ่งถอดใจ มาดูกันดีกว่าว่ามีประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ประเภทไหนบ้างที่สามารถนำมาวางแผนเพื่อประหยัดภาษีในปีนี้ได้
1. ประกันสังคม
สำหรับมนุษย์เงินเดือนทุกคน เงินสมทบกองทุนประกันสังคมที่ถูกหักไปทุกเดือนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับมาตรการลดหย่อนในแต่ละปี)
2. ประกันชีวิต ประกันสะสมทรัพย์
ประกันกลุ่มนี้คือพระเอกของการลดหย่อนภาษี
- ประกันชีวิตทั่วไป/ประกันสะสมทรัพย์ : สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท โดยกรมธรรม์ต้องมีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- ประกันชีวิตคู่สมรส : หากสามีหรือภรรยาไม่มีรายได้ สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสมาลดหย่อนได้สูงสุด 10,000 บาท
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ : ลดหย่อนเพิ่มได้อีก 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท)
3. ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ
ปัจจุบันคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รัฐบาลจึงสนับสนุนให้ประกันในกลุ่มนี้สามารถเอาไปลดหย่อนภาษีได้
- ประกันสุขภาพตัวเอง : เบี้ยประกันสุขภาพ (รวมถึงประกันอุบัติเหตุที่มีความคุ้มครองสุขภาพ) นำมาลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท (แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตในข้อ 2 ต้องไม่เกิน 100,000 บาท)
- ประกันสุขภาพบิดา-มารดา : หากซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่ สามารถนำมาลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท (โดยที่พ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี)
รายการลดหย่อนภาษีที่ควรรู้!
นอกจากเบี้ยประกันแล้วยังมีรายการลดหย่อนอื่น ๆ ที่คุณควรตรวจสอบก่อนยื่นภาษี เพื่อให้มั่นใจว่าคุณใช้สิทธิประโยชน์ได้ครบถ้วนที่สุด ตารางด้านล่างนี้คือสรุปอัตราค่าลดหย่อนภาษีที่คุณควรรู้
| รายการลดหย่อนภาษี | อัตราค่าลดหย่อนภาษี |
| กลุ่มภาระส่วนตัวและครอบครัว | |
| ค่าลดหย่อนส่วนตัว | 60,000 บาท |
| ค่าลดหย่อนคู่สมรส (ไม่มีเงินได้) | 60,000 บาท |
| ค่าลดหย่อนบุตร | 30,000 – 60,000 บาท/คน |
| ค่าลดหย่อนบิดามารดา (อายุ 60 ปีขึ้นไป) | 30,000 บาท/คน |
| ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ | 60,000 บาท/คน |
| ค่าฝากครรภ์และทำคลอด | จ่ายตามจริง สูงสุดท้องละ 60,000 บาท |
| กลุ่มการออมและลงทุน | |
| กบข./ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/ สงเคราะห์ครูฯ | ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15% ของเงินเดือน (รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท) |
| กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) | ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30% ของเงินได้ (รวมกับกองทุนเกษียณอื่นไม่เกิน 500,000 บาท) |
| กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) | ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท (รวมกับกองทุนเกษียณอื่นไม่เกิน 500,000 บาท) |
| กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) | ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30% ของเงินได้ (ไม่เกิน 200,000 บาท และรวมกลุ่มเกษียณไม่เกิน 500,000 บาท) |
| กองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) | ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30% ของรายได้ (สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท) |
| กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และบริจาค | |
| ดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัย | ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท |
| เงินบริจาคพรรคการเมือง | ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 10,000 บาท |
| เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise | ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท |
| เงินบริจาคการศึกษา/กีฬา/สังคม/รพ.รัฐ | 2 เท่าของที่จ่ายจริง (ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักลดหย่อน) |
| เงินบริจาคทั่วไป | ตามที่จ่ายจริง (ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักลดหย่อน) |
สรุปชัด ประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม
สรุปชัด ๆ อีกครั้งกับคำถาม ประกันภัยรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม คำตอบคือ “ไม่ได้” เพราะไม่ได้จัดอยู่ในหมวดปัจจัยพื้นฐานตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร แต่ประกันรถยนต์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้สำหรับคนมีรถ เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงทางการเงินของคุณเอง
หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่คุ้มค่า หรือต้องการวางแผนการเงินด้วยประกันประเภทอื่น ๆ ทั้งประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุ SILKSPAN พร้อมให้บริการเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากบริษัทชั้นนำกว่า 20 แห่ง ช่วยให้คุณเลือกแผนที่ตรงใจในราคาที่ประหยัดกว่า พร้อมบริการผ่อน 0% และสิทธิพิเศษมากมาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : SILKSPAN
- Instagram : silkspan
- Line Official : @SILKSPAN
- X (twitter) : SILKSPAN
- Youtube : SILKSPAN
- TikTok : silkspan
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม
ทําไมประกันรถยนต์ถึงลดหย่อนภาษีไม่ได้
เพราะสิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่รัฐบาลกำหนดจะเน้นไปที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เศรษฐกิจ และปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตระยะยาว ซึ่งประกันรถยนต์ถูกมองว่าเป็นความสมัครใจในการคุ้มครองทรัพย์สินส่วนบุคคล ไม่นับเป็นปัจจัยพื้นฐานที่นำมาลดหย่อนได้
ยื่นภาษีปี 2568 กี่วันได้เงินภาษีคืน
โดยปกติแล้ว หากยื่นเอกสารครบถ้วน กรมสรรพากรจะดำเนินการคืนเงินภาษีภายใน 3 เดือน นับจากวันที่ยื่นแบบ แต่สำหรับผู้ที่ยื่นภาษีออนไลน์ (E-Filing) และผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชน มักจะได้รับเงินคืนรวดเร็วกว่านั้น บางรายอาจได้คืนภายใน 3-7 วันทำการ หากไม่มีการขอเอกสารเพิ่มเติม
เอกสารยื่นภาษี มีอะไรบ้าง
เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม ได้แก่
- แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 หรือ 91
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
- เอกสารหลักฐานค่าลดหย่อนต่าง ๆ (เช่น หนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ)
- เอกสารรับรองเงินปันผล
- ใบ ล.ย. 03 (กรณีเลี้ยงดูพ่อแม่)
- หลักฐานดอกเบี้ยกู้บ้าน