ผ่อนรถอยู่ ควรเลือกทำประกันรถยนต์แบบไหนดี?
การซื้อรถยนต์ด้วยการผ่อนชำระเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะช่วยให้เจ้าของรถสามารถครอบครองรถใหม่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่สำหรับการดาวน์รถยนต์ อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ยังผ่อนรถไม่หมด เจ้าของรถควรให้ความสำคัญกับการเลือกประกันรถยนต์แบบที่ให้ความคุ้มครองที่เหมาะสม ตอบโจทย์ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและความคุ้มครอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ทำไมคนที่ผ่อนรถอยู่ควรเลือกประกันรถอย่างรอบคอบ
ประกันรถเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับคนที่ยังผ่อนรถ นั่นก็เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้น อาจเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับคุณได้ ดังนั้น ถ้าคุณยังผ่อนรถอยู่ ลองพิจารณาถึง 3 ปัจจัยนี้ ในการเลือกทำประกันรถยนต์
ความเสี่ยงของคนที่ยังผ่อนรถไม่หมด
เมื่อคุณยังผ่อนรถไม่หมด รถยนต์ที่คุณใช้ยังไม่ใช่ทรัพย์สินเต็มตัวของคุณ เพราะยังเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกับไฟแนนซ์ การเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายรุนแรงกับรถในช่วงนี้ อาจทำให้คุณต้องจ่ายทั้งค่าซ่อม และค่างวดไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นภาระที่หนักขึ้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นกรณีรถเสียหายจนซ่อมไม่ได้ หรือถูกขโมย หากไม่มีประกันรถที่คุ้มครองเพียงพอ เจ้าของรถอาจต้องผ่อนรถต่อทั้งที่ไม่มีรถใช้
ภาระผ่อนรถ + ค่าซ่อม = ภาระซ้อนถ้าไม่มีประกัน
เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น ตัวอย่างเช่นคุณผ่อนรถอยู่เดือนละ 8,000 บาท แล้วเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนต้องซ่อมรถอีก 50,000 บาท หากไม่มีประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันรถที่คุ้มครองค่าเสียหายเหล่านี้ ภาระทางการเงินจะทับซ้อนทันที และอาจส่งผลให้ไม่สามารถผ่อนรถไหว หรือต้องทำสินเชื่อกู้ยืมจนกลายเป็นหนี้หลายทางได้
ประกันรถยนต์ช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาวอย่างไร?
การมีประกันรถที่เหมาะสม เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทั้งอุบัติเหตุ รถชน รถหาย หรือไฟไหม้ คุณจะไม่ต้องควักเงินก้อนใหญ่ออกมาเอง การลงทุนกับเบี้ยประกันจึงช่วยป้องกันความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณมั่นใจในการขับขี่ได้มากขึ้นด้วย
ผ่อนรถอยู่ ต้องจ่ายค่าประกันรถอย่างไรให้ไม่หนักเกินไป
กรณีที่เป็นรถยนต์ใหม่ป้ายแดง การทำประกันรถชั้น 1 คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประกันสูงที่สุด อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้แบกภาระค่าประกันรถมากเกินไป สามารถใช้แนวทางต่อไปนี้ได้
วางแผนค่าใช้จ่ายระหว่างงวดผ่อนกับเบี้ยประกัน
เมื่อคุณมีทั้งค่างวดรถและค่าเบี้ยประกัน ควรเริ่มจากการวางแผนล่วงหน้า เช่น ตั้งงบค่าเบี้ยประกันไว้ไม่เกิน 10-15% ของรายได้ต่อเดือน หรือเลือกจ่ายเบี้ยแบบแบ่งจ่ายรายเดือนแทนรายปี เพื่อกระจายภาระค่าใช้จ่ายให้เบาลง
ลือกประกันที่มีผ่อน 0% ได้ไหม?
ในปัจจุบัน หลายบริษัทประกันและตัวแทนมีทางเลือกในการ “ผ่อน 0%” ผ่านบัตรเครดิตได้นานตั้งแต่ 3 ถึง 10 เดือน ทำให้คุณสามารถซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อนในครั้งเดียว ถือเป็นวิธีที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว หากคุณไม่มีบัตรเครดิต ก็ยังสามารถเลือกผ่อนชำระผ่านแอปพลิเคชันหรือใช้บริการตัวแทนที่มีเงื่อนไขการผ่อนแบบอื่น ๆ ได้เช่นกัน
ควรซื้อประกันแบบรายปีหรือรายเดือน?
การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นสามารถเลือกได้ทั้งแบบรายเดือนและรายปี ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการชำระของผู้ซื้อ ซึ่งประกันรถทั้ง 2 แบบแตกต่างกันดังนี้
- รายปี : เหมาะกับคนที่มีเงินสำรองก้อน และการจ่ายแบบรายปีมีข้อดีตรงที่ช่วยประหยัดค่าเบี้ยรวม เพราะเมื่อคิดเป็นอัตราแบบรายเดือนจะมีราคาถูกกว่า
- รายเดือน : เหมาะกับคนที่ต้องการกระจายค่าใช้จ่าย ไม่มีเงินก้อน และอยากมีความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลงแผนประกันภายหลัง แต่หากคิดยอดชำระรวมทั้งปี จะมีราคาที่สูงกว่าแบบรายปี
ข้อควรรู้เมื่อต้องซื้อประกันรถระหว่างผ่อนรถ
ก่อนที่จะตัดสินใจทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันรถชั้นอื่น ๆ ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันรถในระหว่างที่กำลังผ่อนรถก่อนซื้อ โดยสิ่งที่ควรรู้มี ดังนี้
- ไฟแนนซ์หรือสถาบันการเงินมักกำหนดให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ตลอดระยะเวลาผ่อนอย่างน้อย 3 ปีแรก เพื่อป้องกันความเสี่ยงของรถ
- เมื่อต้องต่ออายุประกัน สามารถเลือกบริษัทประกันรถเองได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อกับบริษัทเดิมเสมอ แต่ควรเลือกที่ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับข้อกำหนด หรือมีเงื่อนไขที่ตรงกับความต้องการในเรื่องความคุ้มครอง
- ควรอ่านรายละเอียดความคุ้มครอง เช่น ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง หรือ ประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองอะไรและกรณีไหนบ้าง เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับความจำเป็นจริง ๆ และช่วยให้เลือกจ่ายค่าเบี้ยประกันในราคาที่เหมาะสมด้วย
สรุป – เลือกประกันรถอย่างไรเมื่อต้องผ่อนรถ
สำหรับคนที่ยังผ่อนรถอยู่ควรเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เพื่อให้ได้ความคุ้มครองครอบคลุมสูงสุด ช่วยป้องกันความเสี่ยงและปัญหาทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด อย่างไรก็ตามควรวางแผนภาระค่าใช้จ่ายทั้งค่างวดและเบี้ยประกันให้เหมาะสมกับรายได้ ที่สำคัญคืออ่านรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครองของประกันแต่ละแบบให้ครบถ้วน เพื่อให้เลือกประกันที่เหมาะสม ตอบโจทย์ความจำเป็นจริง และลดความเสี่ยงต่อปัญหาการเงินระหว่างการผ่อนรถ
