
เจาะลึก “โรคมะเร็ง” ภัยร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยในทุก ๆ ชั่วโมง

โรคมะเร็ง คือ โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนติดอันดับ TOP 10 และเชื่อว่าเป็นชื่อโรคที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง รวมไปถึงคนใกล้ตัวอย่างแน่นอน แต่คุณเชื่อหรือไม่ ? ว่าโลกนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คุณคิด จากสถิติเผยว่าในทุก ๆ ครั้ง ที่เข็มชั่วโมงของนาฬิกาขยับ จะมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเสมอ และจำนวนผู้ป่วยในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ บทความนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า
โรคมะเร็ง คืออะไร ?
เพื่อจะได้รู้ความน่ากลัวของ “โรคมะเร็ง” คงต้องเริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้นจะดีกว่า โดยมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคที่จัดอยู่ในกลุ่ม NCDs (non-communicable diseases) เป็นกลุ่มของโรคเรื้อรังที่ไม่มีการติดต่อ ลักษณะของโรคคือ “การกลายพันธุ์” ของเซลล์ภายในร่างกาย ทำให้จากเซลล์ธรรมดาค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็น “เนื้อร้าย ” ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกาย แล้วจะค่อย ๆ ลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียง จนทำให้อาการทรุดหนักไปเรื่อย ๆ
มะเร็งเกิดจากอะไร ?
ต้นเหตุของการเกิดมะเร็งแบ่งได้ 2 ส่วนด้วยกันคือ “ปัจจัยภายใน” ส่วนมากแล้วมะเร็งจะเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต และ มะเร็งบางชนิดก็เกิดขึ้นจากกรรมพันธุ์ แน่นอนว่าอีกชนิดก็ต้องเป็น “ปัจจัยภายนอก” เกิดจากการได้รับสิ่งกระตุ้นการเกิดโรคจากภายนอก เช่น การสูบบุหรี่ , การดื่มสุรา , การสูดดมควันพิษ หรือ การรับเชื้อไวรัสบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น
อาการเริ่มต้นของโรคมะเร็ง
เนื่องจากมะเร็งนั้นเกิดขึ้นได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ส่งผลให้อาการเริ่มต้นนั้นไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่ฟวยในแต่ละคน โดยส่วนมากผู้ที่ตรวจพบก็มักเจอในขั้นลุกลามไปแล้ว ส่วนอาการที่พบบ่อยก็จะเป็นการตรวจพบชิ้นเนื้อในร่างกาย และอาจมีความผิดปกติของอวัยวะส่วนที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง เช่น ผู้ป่วยมะเร็งปอดมักจะมีปัญหาไอเรื้อรัง หรือ ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้จะมีปัญหากับการขับถ่าย เป็นต้น

มะเร็งชนิดต่าง ๆ ที่พบบ่อยในไทย
มะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม คือ ชนิดของมะเร็งที่เกิดกับเพศหญิงมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย พบได้มากที่สุดกลุ่มอายุเกินกว่า 40 ปีขึ้นไป สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของ เซลล์ภายในท่อน้ำนม หรือ เซลล์บริเวณกลีบเต้านม ถึงจะเป็นมะเร็งที่มีอัตราตรวจพบสูง แต่ก็สามารถตรวจเจอได้ง่ายกว่าชนิดอื่น ๆ เมื่อเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ๆ โอกาสรอดชีวิตนั้นสูงกว่า 90% เลยทีเดียว
มะเร็งปอด
เป็นชนิดของมะเร็งที่พบในชายไทยเป็นอันดับ 1 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ “การสูบบุหรี่” แต่ในภายหลังอัตราการเกิดมะเร็งปอดนั้นเพิ่มมากกว่าเดิม สืบเนื่องจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่จะค่อย ๆ ทำลายปอดจากภายใน อาการเริ่มต้นมักจะเกิดการไอเรื้อรัง หายใจไม่ค่อยอิ่ม มีอาการเจ็บหน้าอก และ มีปัญหาในการเปล่งเสียง สำหรับใครที่เป็นสิงห์อมควัน หากคุณเลือกสูบบุหรี่ตั้งแต่ตอนนี้ โอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดของคุณจะลดลงทันทีกว่า 50%
มะเร็งตับ และ มะเร็งท่อน้ำดี
ต้องขอแนะนำเป็นแพ็คคู่สำหรับ มะเร็งตับ และ มะเร็งท่อน้ำดี เป็นมะเร็งที่เกิดจากพฤติกรรมการกิน พบได้เยอะที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีพฤติกรรมการกินปลาน้ำจืดแบบดิบ ๆ รวมถึง การกินผักสดที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นแหล่งของ “พยาธิใบไม้ในตับ” ช่วงเริ่มต้นมักจะพบว่ามีอาการ ท้องอืด พุงป่อง น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว ไม่กินอาหาร ตัวเหลือง และ ตาเหลือง
มะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่คนมองข้าม นั่นก็คือ “ตามใจปาก” เลือกกินเฉพาะของที่คิดว่าอร่อย แต่ไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีปัญหาสุขภาพตามมาหรือไม่ เช่น อาหารแปรรูปต่าง ๆ , อาหารที่มีไขมันสูง , การปล่อยตัวเองให้อ้วนโดยไม่ออกกำลังกาย และ ไม่กินผักผลไม้ เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ทั้งสิ้น อาการเริ่มต้นมักจะมีอาการ ท้องอืด ท้องเสีย เบื่ออาหาร หรือ บางครั้งก็มีการถ่ายเป็นเลือด
มะเร็งปากมดลูก
ในประเทศไทย มีการตรวจพบมะเร็งปากมดลูกสูงที่สุดในกลุ่ม “หญิงสาววัยทำงาน” มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ผ่านจากการมีเพศสัมผัส ซึ่งการติดเชื้อส่วนมากจะแสดงอาการโรคชนิดอื่น มีส่วนน้อยเท่านั้นที่พัฒนาจนกลายเป็นมะเร็ง ข่าวดีคือตอนนี้มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV หากฉีดแล้วสามารถทำให้ลดโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกลงได้กว่า 70% เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ขึ้นไป
แนวทางการรักษามะเร็ง
การเกิดโรคมะเร็งแล้วไม่ได้หมายความว่า คุณกำลังจะต้องเสียชีวิตจากโรคร้ายในไม่ช้าเสมอไป เพราะนวัตกรรมทางการแพทย์ทุกวันนี้พัฒนาไปไกลแล้ว หากสามารถตรวจพบเชื้อมะเร็งได้เร็ว ก็ยังมีโอกาสสูงที่จะรักษาจนหายขาดได้ ในปัจจุบันมีแนวทางการรักษาแบ่งออกเป็น 3 วิธี ดังต่อไปนี้
เคมีบำบัด (Chemotherapy)
การทำ “คีโม” หรือการรักษาด้วยเคมีบำบัด คือการให้ยาผ่านหลอดเลือดดำ เพื่อให้ตัวยาเข้าไปยับยั้งและทำลายเซลล์มะเร็ง ป้องกันไม่ให้เกิดการแบ่งตัวลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ มักใช้รักษาร่วมกับวิธีอื่น ๆ เหมาะกับผู้ป่วยที่เชื้อเกิดการลุกลามแล้วในระยะที่ 3 หรือ 4 แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ไม่อยากอาหาร ภูมิคุ้มกันตก อ่อนเพลีย และ ผมร่วง โอกาสรักษาสำเร็จขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง และการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยแต่ละคน
การผ่าตัดและการฉายรังสี
เนื่องจากต้นเหตุของมะเร็งคือการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกาย เพราะฉะนั้นการรักษามะเร็งที่ตรวจพบในขั้นเริ่มต้น มักจะทำด้วยการ “ตัดชิ้นเนื้อร้ายทิ้งไป” ด้วยวิธีการผ่าตัด ส่วนผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดก็มีวิธี “ฉายรังสี” นิยมใช้กับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเฉพาะที่ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งที่ลำคอ วิธีการรักษาจะใช้รังสีพลังงานสูง ฉายเข้าไปที่ส่วนที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งในจุดนั้น ๆ และมักจะใช้การฉายรังสีร่วมกับการผ่าตัด เพื่อให้มั่นใจว่าได้ทำลายเซลล์มะเร็งในจุดนั้น ๆ ที่อาจหลงเหลือจากการผ่าตัด
ทางเลือกใหม่ การรักษาแบบ Targeted และ Immunotherapy
Targeted Therapy เป็นการรักษาทางเลือกใหม่ ด้วยวิธีการ “รักษาแบบมุ่งเป้า” ใช้ยารักษาที่ตรงกับอาการของโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยต้องเผชิญในช่วงเวลานั้น ๆ ส่วน Immunotherapy คือ “การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน” จะเป็นการทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกาย จดจำ และ ทำลาย เซลล์มะเร็ง ทั้งสองวิธีที่กล่าวไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการป่วยเข้าขั้นลุกลาม และลองรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดแล้ว แต่ไม่มีการตอบสนองกับยาเท่าที่ควร
วิธีป้องกันโรคมะเร็งเบื้องต้น
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
เมื่อมะเร็งเป็นโรคในกลุ่ม NCDs เท่ากับว่าต้นเหตุของโรคโดยส่วนมากเกิดจาก “พฤติกรรมการใช้ชีวิต” เพราะฉะนั้นหากไม่อยากป่วยเป็นมะเร็ง เพียงคุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างตั้งแต่ตอนนี้ โอกาสเสี่ยงของโรคก็จะน้อยลงแทบจะในทันที เช่น เลิกสูบบุหรี่ , งดดื่มแอลกอฮอล์ , เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ตรวจสุขภาพประจำ
มะเร็งตรวจเจอเร็วรักษาได้ ! และปัจจุบันก็มีการคัดกรองมะเร็งในหลาย ๆ รูปแบบแล้ว เช่น การตรวจแมมโมแกรมสำหรับมะเร็งเต้านม , การส่องกล้องตรวจลำไส้สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่ และ การตรวจแปปเสมียร์ สำหรับมะเร็งปากมดลูก ถึงจะไม่ใช่การตรวจเฉพาะทางอย่างที่กล่าวถึงข้างต้น การตรวจสุขภาพประจำปี ก็ช่วยให้คุณเข้าใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น เพราะอย่าลืมว่ายังมีโรคร้ายอีกหลายชนิด ที่อันตรายไม่แพ้มะเร็งเลยในปัจจุบัน
บทส่งท้าย
โรคมะเร็งไม่ได้อยู่ไหลตัวเราอีกต่อไป เพราะจากสถิติล่าสุดเผยให้เห็นแล้วว่า ผู้ป่วยเริ่มมีช่วงอายุที่ลดน้อยลงมาเรื่อย ๆ การอยู่ในช่วง วัยรุ่น วัยเรียน หรือ เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ ไม่ได้การันตีว่าคุณจะปลอดภัยจากโรคมะเร็งเสมอไป เพราะฉะนั้นควรดูแลสุขภาพตนเองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งแน่นอนว่าคุณอาจต้องมองหา “ประกันชีวิต” ที่มีความคุ้มครองครอบคลุมโรคมะเร็ง เพราะเมื่อถึงวันนั้นขึ้นมาจริง ๆ คุณจะได้มีทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้น อุ่นใจได้มากกว่าเดิมแน่นอน