
ก่อนบิดต้องรู้ กับวิธีสตาร์ทรถยนต์ที่ถูกต้อง

กุญแจในรถยนต์ไม่ได้เหมือนกุญแจบ้าน ที่เสียบแล้วก็จะบิดรวดเดียวสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ทันที เพราะในช่องกุญแจรถยนต์ถูกออกแบบให้มีตัวล็อกต่างๆ มากมาย และยังเป็นสวิตช์หลักในการตัดต่อระบบไฟฟ้าของรถยนต์ด้วย วันนี้ SILKSPAN จะมาแนะนำวิธีสตาร์ทรถยนต์ที่ถูกต้อง เพื่อช่วยถนอมระบบเครื่องยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญๆ ให้มีอายุการใช้งานนานๆ มีเทคนิคอะไรบ้างติดตามกันได้เลย
แนะนำวิธีสตาร์ทรถยนต์ที่ถูกต้อง
ตอนสตาร์ทรถยนต์ถ้าเราลองบิดกุญแจช้าๆ จะพบว่า มันมีขั้นต่างๆ ประมาณ 3 ขั้น ด้วยกัน คือ ACC, ON และ START แต่ไม่ควรที่จะบิดกุญแจรวดเดียวเพื่อสตาร์ทรถยนต์ ซึ่งวิธีสตาร์ทรถที่ถูกต้องมีดังนี้
1. นั่งตำแหน่งที่พร้อมขับที่สุด
เริ่มแรก ขอแนะนำให้จัดที่นั่งของคุณให้พร้อมที่สุด ตั้งแต่การปรับระดับเบาะ ปรับกระจกมองข้างต่างๆ และพยายามกวาดสายตารอบๆ ในห้องโดยสาร เพื่อเช็กความเรียบร้อยทั้งหมดก่อนออกเดินทาง
2. ตรวจสอบตำแหน่งเกียร์
ให้เช็กว่าอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่างหรือไม่ สำหรับเกียร์ AUTO ให้เข้าเกียร์ที่ตำแหน่ง N หรือ P และควรเหยียบเบรกไว้ด้วย
3. ปิดระบบไฟฟ้าทั้งหมด
เช่น แอร์ เครื่องเสียง และหากเสียบสายชาร์จสมาร์ตโฟนควรถอดออกก่อน เพื่อให้แบตเตอรี่มีกำลังไฟเต็มที่ในการจ่ายไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าในการสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้มอเตอร์สตาร์ทสึกหรอน้อยลง เช่นเดียวกับชิ้นส่วนการทำงานของเครื่องยนต์ เนื่องจากการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรกอาจจะต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ
4. บิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง ON
พอไฟหน้าปัดขึ้น ตรวจสอบระบบต่างๆ ให้พร้อมก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ (ตรงนี้เช็กได้จากคู่มือรถ) ตามหลักที่ถูกต้อง คือ ควรให้ไฟเตือนนั้นขึ้นและดับจนครบก่อน จึงจะสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้
5. บิดกุญแจมาที่ตำแหน่ง START
หลังจากเช็กทุกอย่างแน่ใจแล้ว และเมื่อสตาร์ทไปแล้วนั้น ก็ควรดูว่ายังมีไฟเตือนที่ผิดสังเกตหลงเหลือบนหน้าปัดหรือไม่ รวมถึงในการตรวจสอบเสียง โดยเฉพาะเสียงในลักษณะเหล็กเคาะหรือเสียดสีกัน หรือความสั่นสะเทือนที่ผิดปกติของเครื่องยนต์ ก่อนออกรถด้วย

ความหมายของตำแหน่งต่างๆ ที่ช่องกุญแจ
เมื่อรู้ถึงวิธีสตาร์ทรถที่ถูกต้องแล้ว ก็ขอเสริมความรู้เล็กๆ น้อยๆ กันต่อ เกี่ยวกับตำแหน่งของช่องกุญแจว่า แต่ละส่วนมีความหมายอะไร เกี่ยวข้องกับระบบไหนภายในรถยนต์บ้าง โดยรายละเอียดมีดังนี้
1. LOCK
ตำแหน่งสวิตช์แรกที่เสียบกุญแจเข้าไปซึ่งตำแหน่งคือตำแหน่งดับเครื่อง เช่นเดียวกันมันยังสามารถใช้ล็อกพวงมาลัยได้อีกด้วย
2. ACC
เป็นตำแหน่งที่คุณสามารถใช้ระบบไฟฟ้าบางส่วนของรถได้ เช่น แอร์, เครื่องเสียง โดยที่ไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่ไม่ควรทำบ่อยครั้ง เพราะแบตเตอรี่อาจจะหมดได้ อาจจะทำให้เสื่อมสภาพไวกว่าปกติ หรือถ้าใช้นานอาจสตาร์ทไม่ติด
3. ON
ตำแหน่งที่ไฟฟ้าถูกจ่ายเพื่อพร้อมสตาร์ทคล้ายกับ ACC แต่เมื่อบิดมาตำแหน่งนี้ ระบบจะทำการสตาร์ทพร้อมทำงานในส่วนมาตรวัด โดยไฟเตือนต่างๆ จะทำงาน เพื่อแสดงสถานะความพร้อมใช้งาน
4. START
ตำแหน่งสุดท้ายที่เมื่อบิดกุญแจ ไฟฟ้าจะจ่ายไฟไปยังชุดมอเตอร์สตาร์ทเพื่อถีบฟลายวีล หรือล้อช่วยแรงที่ติดอยู่กับเครื่องยนต์เพื่อเริ่มต้นการทำงาน และจะกลับมาที่ตำแหน่งออกเองหลังจากทำงานแล้ว หากในการสตาร์ทคุณเผลอไปบิดตำแหน่งนี้อีกครั้งหลังเครื่องยนต์ทำงาน อาจจะทำให้ฟันเฟืองของมอเตอร์สตาร์ทเสียหายได้
สรุปเกี่ยวกับวิธีสตาร์ทรถยนต์
แม้ว่าการสตาร์ทรถผิดวิธี อาจไม่ส่งผลให้เครื่องยนต์เสียได้ง่ายๆ แต่การทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ช่วยรักษาสภาพไม่เพียงแค่สวิตช์กุญแจ รวมถึงในส่วนของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวโยงอื่นๆ ด้วย ดังนั้นวิธีสตาร์ทรถที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องเล็กน้อยๆ ที่มองข้ามไม่ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้รถสตาร์ทไม่ติดเวลาที่ต้องการจะใช้งาน และสุดท้ายการทำประกันรถยนต์ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยดูแลคุณได้ในยามลำบาก ค้นหากรมธรรม์ที่ถูกใจจากบริษัทชั้นนำได้ผ่านเว็บไซต์ SILKSPAN หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร 02 392 5500