
การแจ้งเปลี่ยนสีรถคืออะไร ? มีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรบ้าง

หากคุณกำลังคิดจะเปลี่ยนลุคให้รถคู่ใจ ไม่ว่าจะตามสีมงคล หรือเพื่อความชอบส่วนตัว นอกจากการพารถไปทำสีใหม่แล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่คุณต้องทำคือ การแจ้งเปลี่ยนสีรถเพื่อให้ข้อมูลรถยนต์ของคุณถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับใครที่ยังไม่เคยดำเนินการ หรืออยากรู้ว่าการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ต้องเตรียมตัวและมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง บทความนี้ SILKSPAN มีคำตอบให้คุณ
Key Takeaways
- การเปลี่ยนสีรถยนต์ (รวมถึงการแร็ปสี) ที่มีโทนสีแตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจน จะต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมการขนส่งทางบกภายใน 7 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท และป้องกันปัญหาในการทำธุรกรรมรถยนต์หรือการเคลมประกัน
- ม่สามารถแจ้งเปลี่ยนสีรถผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เนื่องจากต้องมีการนำรถเข้าตรวจสภาพและยืนยันสีกับเจ้าหน้าที่ ณ กรมการขนส่งทางบกโดยตรง จำเป็นต้องดำเนินการที่ขนส่งเท่านั้น
- ค่าธรรมเนียมในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 105 บาทสำหรับรถยนต์ และ 15 บาทสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ โดยมีค่าธรรมเนียมการแจ้ง ค่าตรวจสภาพ (สำหรับรถยนต์) และค่าคำขอ
- เอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ ได้แก่ เล่มทะเบียนรถ, บัตรประชาชน และเอกสารยืนยันการเปลี่ยนสี (เช่น ใบเสร็จจากอู่ หรือหนังสือรับรอง) เพื่อให้ขั้นตอนการดำเนินการราบรื่น และเสร็จสิ้นภายในวันที่ไปยื่นเรื่อง
ทำไมถึงต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งทางบก?
คนไทยหลายคนไม่ชอบการทำอะไรที่เป็นขั้นเป็นตอน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มีการละเลยการ “แจ้งเปลี่ยนสีรถ” เพราะอาจจะคิดว่าไม่ได้สำคัญอะไร หรืออาจไม่อยากต้องมานั่งรอคิวที่กรมการขนส่งทางบก เรามี 3 เหตุผลที่เน้นย้ำว่าคุณ “ต้อง” แจ้งเปลี่ยนสีรถเสมอ เมื่อมีการเปลี่ยนสีตัวถังรถ ดังนี้
- ใน พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ระบุเอาไว้ว่า สีของรถยนต์จะต้องตรงกับข้อมูลบนเล่มทะเบียนรถ หากฝ่าฝืนไม่ทำตามจะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท
- ถ้าไม่มีการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ให้ถูกต้อง จะส่งผลโดยตรงต่อขั้นตอนการทำธุรกรรมกับตัวรถ เพราะเล่มทะเบียนรถเป็นเอกสารโอนรถสำคัญ หากข้อมูลไม่ตรงกับความจริง ก็ถือว่าใช้งานไม่ได้
- หากไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถ อาจไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ,ประกันรถยนต์ 2+ หรือประกันรถยนต์ 3+
ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถภายในกี่วัน?
ตามกฎหมายกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าเมื่อมีการเปลี่ยนสีตัวถังรถเรียบร้อยแล้ว จะต้องดำเนินการแจ้งเปลี่ยนสีรถให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 7 วัน ถ้าไม่ปฏิบัติตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ เมื่อมีการตรวจพบก็จะถูกดำเนินคดี และเจ้าของรถจะมีความผิดตามกฎหมายมาตรา 60 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
แจ้งเปลี่ยนสีรถผ่านทางออนไลน์ได้หรือไม่?
การแจ้งเปลี่ยนสีรถออนไลน์ยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากการแจ้งเปลี่ยนสีรถมีขั้นตอนที่ซับซ้อนในส่วนของการตรวจสภาพ การตรวจสอบเอกสาร ไปจนถึงการยืนยันตัวสีด้วยเจ้าหน้าที่ ดังนั้นต้องเดินทางไปที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
สามารถแจ้งเปลี่ยนสีรถที่ ตรอ. ได้หรือไม่?
มีหลายท่านเข้าใจผิดว่าสามารถนำรถไปแจ้งเปลี่ยนสีรถที่ ตรอ. (สถานตรวจสภาพรถเอกชน) ได้เหมือนกับการตรวจสภาพเพื่อต่อภาษีรถยนต์ประจำปี แต่ในความเป็นจริงแล้ว การแจ้งเปลี่ยนสีรถนั้นจะต้องดำเนินการที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือแจ้งเปลี่ยนสีรถมอเตอร์ไซค์ ที่ ตรอ. ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีขั้นตอนการตรวจสอบสีและเอกสารที่ต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากการตรวจสภาพรถทั่วไปที่ ตรอ. ให้บริการ
แต่สถาน ตรอ. หลายแห่งก็มีบริการรับดำเนินการแจ้งเปลี่ยนสีรถให้แทน โดยการที่เจ้าของรถนำเอกสารที่ต้องใช้ทั้งหมด รถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ที่จะทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถไปฝากไว้ รวมไปถึงใบมอบอำนาจไปให้ทาง ตรอ. เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำรถและเอกสารไปดำเนินการแทนที่ขนส่ง ซึ่งอาจจะมีค่าบริการแล้วแต่ตามแต่ละแห่งตกลง โดยประมาณจะอยู่หลักร้อยบาท จนไปถึงหลักพันบาทเลยทีเดียว
แจ้งเปลี่ยนสีรถต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?
นอกจากเรื่องของขั้นตอนที่หลายคนกังวล ก็น่าจะเป็นเรื่องของ “เอกสาร” ที่ต้องเตรียมให้พร้อม หากไม่อยากเสียเวลา มาดูกันว่าในการแจ้งเปลี่ยนสีรถใช้เอกสารอะไรบ้าง
- เล่มทะเบียนรถตัวจริง หรือสำเนา
- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
- สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของรถ
- เอกสารยืนยันการเปลี่ยนสีตัวรถ เช่น หนังสือรับรองจากอู่ หรือ ใบเสร็จที่ได้จากตัวจริงจากอู่สีรถ ซึ่งมีข้อมูลยืนยันการทำสีรถ
- ภาพถ่ายตัวรถ ก่อนและหลังการเปลี่ยนสี
- ถ้าเป็นการแจ้งเปลี่ยนสีรถ ไม่ใช่เจ้าของรถมาด้วยตัวเอง ต้องมีเอกสารมอบอำนาจเสมอ
ในกรณีแจ้งเปลี่ยนสีรถ ไม่มีใบเสร็จ อาจต้องเตรียมหนังสือรับรองการทำสีจากอู่ หรือเอกสารอื่น ๆ ที่สามารถยืนยันการเปลี่ยนสีและรายละเอียดการทำสีรถได้อย่างชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาและใช้ประกอบการยื่นคำร้อง ซึ่งอาจมีการซักถามเพิ่มเติมเพื่อความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูล ดังนั้นการมีใบเสร็จแจ้งเปลี่ยนสีรถที่ถูกต้อง จะช่วยให้ขั้นตอนราบรื่นที่สุด
ขั้นตอนการแจ้งเปลี่ยนสีรถทำอย่างไร?
หลังจากได้เตรียมเอกสารเปลี่ยนสีรถเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเรามาลองทำความเข้าใจกับขั้นตอนวิธีแจ้งเปลี่ยนสีรถกันบ้าง ดังนี้
- นำรถยนต์ที่เปลี่ยนสีตัวถังไปที่กรมการขนส่งทางบกสาขาใกล้บ้าน
- ยื่นคำร้องแจ้งเปลี่ยนสีรถ พร้อมกับแนบเอกสารให้เรียบร้อย
- รอให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสภาพรถ เพื่อเป็นการยืนยันสีใหม่ของตัวรถ
- เมื่อได้รับเอกสารยืนยันการตรวจสภาพรถเรียบร้อยแล้ว ก็นำเอกสารมาชำระค่าธรรมเนียม
- รับเอกสารเล่มทะเบียนรถที่มีการบันทึกสีใหม่เรียบร้อยแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้น
การแจ้งเปลี่ยนสีรถมีค่าใช้จ่ายหรือไม่ ?
หลายคนอาจสงสัยว่าเวลานำรถไปแจ้งเปลี่ยนสีรถ กี่บาท ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ คำตอบคือไม่แพงอย่างที่คิด เพราะค่าธรรมเนียมรวมทั้งหมดเพียง 105 บาท เท่านั้น โดยจะแบ่งเป็น
- ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 50 บาท
- ค่าตรวจสอบสภาพรถ 50 บาท
- ค่าคำขอเอกสาร 5 บาท
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอน เจ้าของรถจะได้รับการอัปเดตข้อมูลในเล่มทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และสำหรับคนที่ต้องการแจ้งเปลี่ยนสีรถมอเตอร์ไซค์ หลายคนอาจสงสัยเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายว่าราคา แจ้งเปลี่ยนสีรถมอไซค์มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 15 บาทเท่านั้น โดยแบ่งเป็น ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 10 บาท และค่าคำขอเอกสาร 5 บาท
แจ้งเปลี่ยนสีรถ ต้องผ่านการตรวจสภาพรถก่อนหรือไม่?
เมื่อนำรถที่เปลี่ยนสีรถแจ้งขนส่งเรียบร้อยแล้ว หลังจากกรอกแบบฟอร์ม ยื่นเอกสารให้เจ้าพนักงาน จะมีขั้นตอนของการ “ตรวจสภาพรถ” ซึ่งจะไม่เหมือนกับการตรวจสภาพรถ เพื่อต่อภาษีประจำปีอย่างที่หลายคนเข้าใจ จะต้องนำรถเข้ามาตรวจที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
รถติดไฟแนนซ์สามารถเข้าไปแจ้งเปลี่ยนสีรถได้หรือไม่?
รถที่ยังติดไฟแนนซ์ สามารถแจ้งเปลี่ยนสีรถได้ แต่มีขั้นตอนเพิ่มเติม เนื่องจากเล่มทะเบียนรถมักอยู่กับบริษัทไฟแนนซ์ เจ้าของรถจึงต้องประสานงานก่อนดำเนินการ โดยแนวทางหลัก ๆ มีดังนี้
- ติดต่อบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อขอเล่มทะเบียนรถตัวจริงสำหรับใช้ในการยื่นเรื่องที่กรมการขนส่งทางบก
- วางเงินมัดจำ หรือใช้เอกสารค้ำประกัน เพื่อยืนยันว่าจะนำเล่มทะเบียนมาคืน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทไฟแนนซ์)
- นำรถเข้าตรวจสภาพ พร้อมยื่นคำขอแจ้งเปลี่ยนสีรถ
- รับเล่มทะเบียนที่แก้ไขเรียบร้อย เมื่อขนส่งบันทึกข้อมูลสีรถใหม่ลงในเล่มแล้ว
- นำเล่มทะเบียนไปคืนให้ไฟแนนซ์ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นอันจบขั้นตอน
หากไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถ จะมีปัญหาอะไรตามมาบ้าง?
ขอย้ำอีกสักครั้งว่า ถ้ามีการเปลี่ยนสีรถยนต์ ต้องแจ้งกรมการขนส่งทางบกทุกครั้ง โดยหลักเกณฑ์ที่ต้องแจ้งคือ “โทนสีเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างชัดเจน” แม้จะเป็นการ Wrap ไม่ใช่การพ่นสี ก็จำเป็นจะต้องแจ้งเปลี่ยนสีให้เรียบร้อย มาลองดูกันว่าถ้าไม่ยอมแจ้งเปลี่ยนสี มีโอกาสจะเกิดปัญหาอะไรบ้าง
- ผิดกฎหมาย ถ้าใช้งานรถจนเกินระยะเวลาที่กำหนด ไม่ยอมนำรถเข้ารับการแจ้งเปลี่ยนสีรถ ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มีโทษเป็นจำนวนเงินสูงสุดถึง 2,000 บาท
- ทำธุรกรรมกับรถลำบาก จากข้อกฎหมายที่ระบุเอาไว้ว่า สีของตัวรถจริง จะต้องตรงกับที่ระบุเอาไว้ในเล่มทะเบียน หากมีการเปลี่ยนแปลงสีของตัวถัง แล้วไม่ยอมแจ้งเปลี่ยนสีรถให้เรียบร้อย จะส่งผลให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับรถ ไม่ว่าจะเป็นการขาย การโอนกรรมสิทธิ์ หรือ การนำเข้าไฟแนนซ์ กลายเป็นเรื่องยากในทันที
- ประกันภัยรถยนต์อาจไม่คุ้มครอง การไม่ยอมแจ้งเปลี่ยนสีรถกับทางกรมการขนส่งทางบก และไม่ยอมแจ้งข้อมูลต่อกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ อาจส่งผลให้การเคลมประกันทำได้ยุ่งยากมากขึ้น หรือกรณีที่เลวร้ายอาจจะไม่ได้รับความคุ้มครอง เนื่องจากสีของตัวรถ ไม่ตรงกับฐานข้อมูลที่มีอยู่

การแจ้งเปลี่ยนสีรถไม่ได้ยุ่งยาก แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การแจ้งเปลี่ยนสีรถตามจริงแล้วขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยาก เอกสารที่ต้องเตรียมไม่เยอะ เพียงคุณสละเวลาแค่เล็กน้อยเดินทางไปที่กรมการขนส่งทางบก และสำหรับใครที่สงสัยว่า การแจ้งเปลี่ยนสีรถ กี่วันถึงจะแล้วเสร็จ? คำตอบคือ ขั้นตอนทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยในวันที่ดำเนินการ ดังนั้นรอไม่กี่อึดใจ การแจ้งเปลี่ยนสีรถก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
การทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างสบายใจและไม่ผิดกฎหมาย ได้รถที่สวยงามถูกใจ หรือเพื่อให้ได้สีรถถูกโฉลกตามวันเกิดก็ถูกต้องตามขั้นตอน และถ้าหากประกันภัยรถยนต์ของคุณใกล้หมด แล้วยังไม่รู้ว่าจะต่อกับที่ไหนดี SILKSPAN พร้อมยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับคุณ หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูล ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : SILKSPAN
- Instagram : silkspan
- Line Official : @SILKSPAN
- X (twitter) : SILKSPAN
- Youtube : SILKSPAN
- TikTok : silkspan