ไขข้อสงสัย ไฟรูปเครื่องยนต์โชว์เกิดจากอะไร
สัญลักษณ์ไฟต่างๆ ที่หน้าปัดรถถูกออกแบบมาเพื่อเป็นตัวช่วยให้เจ้าของ หรือผู้ขับรถทราบว่ามีส่วนไหนทำงานอยู่บ้าง หรือมีส่วนไหนที่ทำงานผิดปกติ หรือมีปัญหา แต่สัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์จะมีความซับซ้อนกว่า และทำให้เจ้าของรถเข้าใจผิดได้มากที่สุด วันนี้มาปัดฝุ่นทำความเข้าใจกันอีกรอบกันดีกว่า
โดยปกติไฟรูปเครื่องยนต์สว่างเมื่อไหร่แปลว่าเครื่องยนต์กำลังมีปัญหา แต่หากจะดูว่ามีปัญหาที่ตรงไหนนั้น จะค่อนข้างยาก เนื่องจากหลายๆ ครั้งที่ไฟเครื่องยนต์สว่างขึ้น แต่ปัญหากลับไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์
10 อันดับปัญหา เมื่อไฟรูปเครื่องยนต์ติด
เว็บไซต์ CarMD ได้รวบรวมสถิติ จัดอันดับอาการเสียที่แท้จริงเมื่อไฟรูปเครื่องยนต์ติด ซึ่งผลก็คือ
- แคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ตัน หรือมีปัญหา
- ออกซิเจนเซ็นเซอร์เสีย ทำให้รถกระตุก
- หัวเทียนเสีย
- ปิดฝาถังน้ำมันไม่แน่น
- เซ็นเซอร์วัดมวลอากาศเสีย ทำให้กลิ่นไอเสียเหม็นกว่าปกติตอนสตาร์ทรถใหม่ๆ
- คอยล์จุดระเบิดเสีย ทำให้รถสั่น และกระตุก
- วาล์วระบบควบคุมไอระเหยผิดปกติ ทำให้ไอระเหยน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้น้อยหรือมากกว่าปกติ ทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ
- หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเสีย หรือตัน ทำให้ลูกสูบบางตัวไม่ทำงาน รถเดินไม่นิ่ง
- โซลินอยด์ควบคุมไอระเหยน้ำมันเสีย ทำให้สตาร์ทยาก และเครื่องยนต์สั่น
- เทอร์โมสตัทเสีย ทำให้อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นสูงกว่าปกติ
นอกจากนี้ ผู้ขับยังสามารถสังเกตไฟอื่นๆ ควบคู่กันไปได้ด้วย ปัญหาที่พอสังเกตเองได้เบื้องต้นได้ เช่น ไฟเครื่องยนต์+ไฟเตือนอุณหภูมิ ซึ่งบ่งบอกว่าเครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ควรจอดพัก เป็นต้น
เมื่อไฟรูปเครื่องยนต์ติด ยังสามารถขับต่อได้ไหม?
เมื่อไฟรูปเครื่องยนต์โชว์ โดยส่วนใหญ่เราจะยังสามารถขับรถต่อไปได้ แต่ไม่ควรขับเร็วมาก ซึ่งรถบางรุ่นอาจจะตัดเข้าสู่วงจรสำรอง และจะจำกัดความเร็วอยู่ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที เพื่อยังให้ผู้ขับสามารถประคองรถเข้าข้างทางที่ปลอดภัย หรือเข้าอู่เพื่อตรวจเช็กได้
สรุปเกี่ยวกับปัญหาไฟรูปเครื่องยนต์โชว์
ความหมายของไฟรูปเครื่องยนต์โชว์อาจจะค่อนข้างกว้าง และซับซ้อน แต่ถ้าเจ้าของรถพอจะมีความรู้ ก็สามารถสังเกตอาการอื่นๆ เบื้องต้นประกอบได้ และยังเพิ่มความปลอดภัยเมื่อต้องประสบกับเหตุการณ์จริงๆ อีกด้วย แต่ถ้าไม่รู้จริงๆ ก็ควรเอาเข้าอู่เพื่อให้ช่างเอาเครื่องมือมาหาจุดที่ผิดปกติที่แท้จริงดีกว่า ถ้าให้ดี SILKSPAN ขอแนะนำให้นำรถยนต์ไปตรวจเช็กสภาพบ่อยๆ อย่างน้อยปีละ 1 หรือ 2 เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดความเสียหายได้ มากไปกว่านั้น ควรทำประกันรถยนต์ติดเอาไว้เพื่อช่วยดูแลคุณในยามลำบาก ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือรถเสียกลางทางก็สามารถดูแลคุณได้ตลอด 24 ชม. สนใจทำซื้อประกันรถยนต์ เช็กกรมธรรม์และค่าเบี้ยที่ถูกใจบนเว็บไซต์ได้เลย หรือโทร 02 392 5500