ไฟสูงใช้อย่างไร ไม่ให้โดนว่า?
การเปิดไฟสูงขณะขับรถยามค่ำคืนเป็นสิ่งที่หลายคนมักเข้าใจว่าช่วยให้มองเห็นชัดขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากใช้ผิดจังหวะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ร่วมทางได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแสงไฟส่องเข้าระยะสายตาผู้ขับขี่ที่ขับสวนทางหรือรถยนต์ที่อยู่คันหน้า เพื่อให้สามารถใช้ไฟสูงได้อย่างเหมาะสม บทความนี้จะพาไปดูหลักการใช้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ขับขี่ปลอดภัย และไม่ถูกต่อว่าจากผู้ร่วมเส้นทาง
ทำความเข้าใจกับไฟสูงและไฟหน้ารถยนต์
ไฟสูงนั้นเป็นระดับความสูงจากไฟหน้ารถยนต์ โดยสามารถแบ่งระดับความเข้มของแสงไฟออกเป็น 2 ระบบหลักคือ ไฟสูงและไฟต่ำ ตามรายละเอียด ดังนี้
- ไฟต่ำ (Low Beam) : ระดับไฟมาตรฐานที่ให้แสงสว่างระยะใกล้ประมาณ 50–60 เมตร เหมาะสำหรับการขับขี่ในเขตเมืองหรือถนนที่มีแสงไฟส่องสว่าง
- ไฟสูง (High Beam) : ระดับไฟที่ให้แสงสว่างไกลขึ้นถึงประมาณ 100–120 เมตร เหมาะสำหรับถนนเปลี่ยว มืด หรือไม่มีไฟทาง
การเลือกใช้ไฟหน้าให้เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นชัดเจน แต่ยังเป็นการรักษามารยาทและความปลอดภัยร่วมกันบนถนนอีกด้วย
เวลาไหนที่ควรใช้ไฟสูง?
การใช้ไฟสูงรถยนต์ อย่างถูกต้องมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในเส้นทางที่มีความมืดหรือไม่มีไฟส่องสว่าง สำหรับจังหวะที่ควรเปิดใช้ไฟสูง เช่น
- การขับรถบนถนนนอกเมือง หรือเขตชนบทที่มืดมากและไม่มีรถสวน
- ถนนมีโค้งหรือเนินสูงที่มองไม่เห็นข้างหน้า ควรเปิดสั้น ๆ เพื่อดูเป็นระยะ
- ใช้ไฟสูงเป็นจังหวะ (ไฟกระพริบ) เพื่อส่งสัญญาณเตือนรถคันอื่น เช่น มีสิ่งกีดขวาง หรือแจ้งเตือนรถที่กำลังจะแซง
คำแนะนำ : หากจำเป็นต้องใช้ไฟสูง ควรลดความเร็วและเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้แสงสะท้อนกระทบกระจกมองหลังของรถคันนั้น
เวลาไหนที่ไม่ควรใช้ไฟสูง
แม้ไฟสูงจะช่วยให้มองเห็นได้ไกลขึ้น แต่หากใช้ผิดจังหวะ อาจทำให้ผู้ร่วมทางสูญเสียการมองเห็นชั่วขณะและนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ หากอยู่ในสถานการณ์ต่อไปนี้ควรหลีกเลี่ยงการเปิดไฟสูงหน้ารถ
- เมื่อมีรถสวนทางมา ควรเปลี่ยนเป็นไฟต่ำทันที
- เมื่อขับตามรถคันหน้าในระยะใกล้ เพราะแสงจะสะท้อนเข้ากระจกหลัง
- ขณะขับในสภาพอากาศที่มีหมอกหรือฝนตกหนัก เพราะแสงไฟจะสะท้อนกลับ ทำให้มองเห็นยากยิ่งขึ้น
- ขณะขับในเขตเมืองหรือเขตชุมชนที่มีแสงไฟส่องสว่างเพียงพอ
เคล็ดลับการใช้ไฟหน้ารถอย่างปลอดภัย
เพื่อให้การใช้ไฟหน้ารถทั้งไฟหน้าและไฟสูง เป็นไปอย่างถูกต้องและไม่รบกวนผู้อื่น ควรคำนึงถึงหลักดังต่อไปนี้
- หากขับรถบนถนนสองเลนสวนกัน ควรเปลี่ยนเป็นไฟต่ำทันทีที่เห็นแสงไฟของรถฝั่งตรงข้าม
- หลีกเลี่ยงการเปิดไฟสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ไฟหน้าเกิดความร้อนสูงและอายุการใช้งานสั้นลง
- ไม่ควรใช้ไฟสูงแบบกระพริบถี่ ๆ ในการเตือนรถยนต์คันหน้า ควรใช้จังหวะที่ห่างกันเล็กน้อย
ใช้ไฟสูงอย่างเหมาะสม ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้

การใช้ไฟสูง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะหากใช้อย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการอุบัติเหตุได้ และยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางที่ทัศนวิสัยไม่ดีได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามนอกจากการใช้ไฟหน้ารถแล้ว การมีประกันรถยนต์ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการใช้รถได้
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาความคุ้มครองที่เหมาะกับรถของตนเอง การเปรียบเทียบความคุ้มครองจะช่วยให้เลือกได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด เช่น
- ประกันรถยนต์ชั้น 1 : คุ้มครองครบทั้งตัวรถ ผู้ขับขี่ คู่กรณี และความคุ้มครองตัวรถกรณีที่ไม่มีคู่กรณี เรียกได้ว่าเป็นประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองมากที่สุด แต่ก็แลกมาด้วยค่าเบี้ยที่สูงที่สุด
- ประกันรถยนต์ 2+ : ครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุเฉี่ยวชน รถหาย ไฟไหม้ และความคุ้มครองสำหรับคู่กรณี
- ประกันรถยนต์ 3+ : ประกันที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และบางบริษัทอาจให้ความคุ้มครองเฉพาะผู้ขับขี่เท่านั้น เหมาะสำหรับรถใช้งานทั่วไปที่ต้องการความคุ้มครองพื้นฐาน
ขับขี่ปลอดภัย เริ่มจากการรู้จักใช้ไฟสูงให้ถูกวิธี
การขับขี่โดยใช้ไฟสูงไม่ใช่สิ่งผิด หากใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและใส่ใจเพื่อร่วมทาง เพราะมันคือเครื่องมือที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยและมั่นใจในเส้นทางที่ไม่หรือสถานการณ์ที่ไม่คุ้นชินได้มากขึ้น สิ่งสำคัญคือการมีมารยาทบนท้องถนน รู้จักเคารพผู้ร่วมทาง และหมั่นตรวจเช็กไฟหน้ารถอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และทำให้การเดินทางของคุณปลอดภัยในทุกเส้นทาง
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์เพื่อความมั่นใจในทุกเส้นทางการขับขี่ สามารถเปรียบเทียบความคุ้มครองของประกันรถยนต์แต่ละชั้นได้ที่ SILKSPAN
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : SILKSPAN
- Instagram : silkspan
- Line Official : @SILKSPAN
- X (twitter) : SILKSPAN
- Youtube : SILKSPAN
- TikTok : silkspan