ขาดต่อประกันอยู่หรือไม่ ต่อประกันกับ SILKSPAN ลุ้นรับ voucher จาก BigC มูลค่า 100 บาท

ฝุ่น PM 2.5 เข้ามาในรถได้มั้ย แล้วมีวิธีป้องกันอย่างไร


ฝุ่น PM 2.5 เข้ามาในรถได้มั้ย แล้วมีวิธีป้องกันอย่างไร

การขับรถในสภาพอากาศที่มีค่า PM 2.5 สูงอาจมีผลเสียต่อสุขภาพของคุณ เพราะถึงแม้ว่าคุณไม่ได้สัมผัสอากาศข้างนอกรถโดยตรง แต่ฝุ่น PM 2.5 ก็ยังสามารถเล็ดลอดเข้าไปในรถยนต์ของคุณได้ เนื่องจากฝุ่นชนิดนี้มีขนาดเล็กมาก และด้วยขนาดที่เล็กมากนี้ ทำให้มันสามารถเล็ดลอดเข้าไปยังปอด และเข้าไปสู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร?

ฝุ่น PM2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เทียบให้ภาพได้ว่าเล็กแค่ 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ ซึ่งเล็กจนขนจมูกไม่สามารถกรองได้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้ฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ

โดยปกติแล้วขนจมูกของคนเราจะสามารถทำหน้าที่กรองฝุ่นขนาด 30 ไมครอน ได้ แต่ถ้ามีขนาดเล็กกว่า 30 และ 10 ไมครอน จะเข้าไปติดที่คอ และเข้าไปในหลอดลมตามลำดับ แต่ขนาดที่เล็กกว่า 2.5 หรือ PM 2.5 นี้มีขนาดเล็กมา จึงสามารถทำให้ฝุ่นชนิดนี้ลงไปลึกถึงหลอดลมฝอย และถุงลม และสามารถดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดได้ นอกจากนี้ฝุ่น PM 2.5 ยังพาสารพิษขนาดเล็กจิ๋วเข้าไปสู่ร่างกายด้วยเช่นกัน ซึ่งการที่ร่างกายทำการสูดฝุ่น PM 2.5 ไว้เป็นจำนวนมากก็จะทำให้เกิดสารพิษตกค้างในร่างกาย และส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาว

PM 2.5 มีความอันตรายต่อสุขภาพอย่างไร?

ระบบทางเดินหายใจ

การสูดดมฝุ่น PM2.5 เข้าไป สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจ แสบจมูก ไอจาม เป็นสาเหตุที่กระตุ้นภูมิแพ้ ทำให้เกิดโรคหืด โรคถุงลมโป่งพอง ก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจเรื้อรัง และขั้นรายแรงเมื่อทำการสูดดมเข้าไปเป็นระยะเวลานานแล้วอาจจะทำให้เกิดมะเร็งปอดได้เลยทีเดียว

หลอดเลือด และหัวใจ

องค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่าหากมีการสูดดมฝุ่น PM 2.5 เข้าไปเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด และมีผลโดยตรงต่อการทำงานของเซลล์เยี่อบุหลอดเลือด ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่นโรคหัวใจ โรคปอลด และโรคมะเร็ง

ระบบผิวหนัง

PM 2.5 เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งจะทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอย เกิดความหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำไม่เรียบเนียนของผิวหนัง รวมไปถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแพ้ง่าย เกิดผื่นคัน ผื่นแพ้ และลมพิษขึ้นได้เช่นกัน

มีผลต่อพัฒนการของเด็ก

ฝุ่น PM 2.5 มีผลต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตของเด็ก ตั้งแต่ระดับทารกในครรภ์ที่ส่งผลให้เด็กมีการเจริญเติบโตที่ช้า และอาจส่งผลให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้

ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปในรถได้อย่างไร

ระบบปรับอากาศของรถยนต์จะเป็นจะต้องมีอากาศจากภายนอกรถเข้าไปหมุนเวียนภายในรถ แต่ปริมาณของ PM 2.5 จะมากหรือน้อยก็ต้องขึ้นอยุ่กับประสิทธิภาพการกรองอากาศของระบบปรับอากศของตัวรถยนต์ การเปลี่ยนไปใส่แผ่นกรองชนิดพิเศษที่ช่วยกรอง PM 2.5 ก็สามารถช่วยลดปริมาณความหนาแน่นของฝุ่น PM 2.5 ลงมาได้ในระดับนึง ซึ่งเป็นสิ่งสามารถทำได้ในรถยนต์ส่วนตัวที่ปิดหน้าต่าง และเปิดแอร์ แต่ถ้าหากจำเป็นจะต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือสาธารณะที่ทำการเปิดกระจกในการระบายอากาศก็เลี่ยงไม่ได้เลยทีจะมีฝุ่น PM 2.5 เข้ามาภายในตัวรถ ในกรณีนี้อาจใช้การใส่หน้ากากอนามัยเพื่อช่วยในการกรองอากาศที่มีฝุ่นพิษก่อนจะเข้ามาสู่ในร่างกาย

วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 ภายในรถยนต์

1. ปิดหน้าต่างให้สนิท

แล้วปรับช่องระบายอากาศให้เป็นแบบอากาศหมุนเวียนในรถ เพื่อไม่ให้ฝุ่น PM 2.5 จากภายนอกเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการที่มีอากาศจากภายนอกตัวรถเข้ามามากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะทำให้ตัวฝุ่น PM 2.5 มีโอกาสเข้ามาภายในตัวรถได้มากยิ่งขึ้น

2. เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเป็นแบบ HEPA (High-efficiency particulate air)

ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถจับฝุ่นที่มีเล็กขนาดถึง 0.3 ไมครอนได้ สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้มากกว่า 90% ในขณะที่แผ่นกรองอากาศแบบธรรมดาสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้แค่ 29% เท่านั้น
ในปัจจุบันแผ่นกรองอากาศ HEPA สามารถหาซื้อได้ง่าย ทั้งตามหน้าร้าน หรือทางร้านค้าออนไลน์ แถมยังมีหลายรุ่นให้เลือกด้วย

3. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในรถ

ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ใช้แผ่นกรอง HEPA ที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นขนาดเล็ก นอกจากฟอกอากาศแล้ว บางยี่ห้อ บางรุ่นยังสามารถกำจัดเชื้อไวรัส และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย

4. หมั่นตรวจสภาพการเผาไหม้ของรถ

เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเราสามารถนำรถไปเช็กได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) เพื่อช่วยกันลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในอากาศ

ลด PM2.5 จากการขับรถได้อย่างไร

1.เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนดเวลา

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รวมไปถึงการทำความสะอาดหม้อกรองอากาศ หรือการเปลี่ยนหม้อกรองอากาศใหม่ จะช่วยให้รถยนต์กำจัดคราบเขม่าที่มีการตกค้างอยู่ภายในที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจจะสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นจะเป็นการอุดตันของกรองอากาศ หรือจากน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดควันดำที่ส่วนนึงที่ทำให้เกิดฝุ่นพิษ หรือฝุ่น PM 2.5 นั่นเอง

2.ดับเครื่องขณะจอดรอ

หากต้องทำการจอดรถรอเป็นระยะเวลานาน ควรทำการขับเครื่อง ไม่จอดสตาร์ททิ้งไว้ ไอเสีย และควันดำที่เกิดขึ้นจากการสตาร์ทรถทิ้งไว้มีส่วนนึงของสาเหตุในการเกิดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งนอกจากนี้จะส่งผลต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีผลต่อชั้นบรรยากาศของโลก และผลโดยตรงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศภายในโลกที่ทำให้โลกร้อนขึ้นอีกด้วย

3.ลดการใช้งานรถยนต์

การลดการใช้งานรถยนต์ และเลือกใช้งานเท่าที่จำเป็น จะทำให้เกิดการสร้างมลภาวะทางอากาศ และฝุ่น PM 2.5 น้อยลงด้วยเช่นกัน หากการเดินทางใดสามารถเปลี่ยนมาใช้การเดินทางผ่านขนส่งสาธารณะได้ หรือใช้วิธีไปทางเดียวกัน ไปด้วยกัน ก็จะช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการใช้งานรถยนต์ลงไปได้เช่นกัน

4.หมั่นตรวจสอบความพร้อมของรถยนต์

เช็กความพร้อมในการทำงานของระบบต่างๆ ภายในตัวรถยนต์ให้พร้อมกับการใช้งานอยู่เสมอ นอกจากระบบเครื่องยนต์ที่ต้องการเช็กสภาพการสึกหรอแล้ว ก็ต้องดูแล และทำการเช็กระบบกรองอากาศ ระบบแอร์ เช็กไส้กรองอากาศ เปลี่ยนน้ำมันเก่า ตรวจเช็กหัวฉีดจ่ายน้ำมัน และปรับตั้งหัวฉีดให้เหมาะสมอยู่เสมอ เพื่อทำการจ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ และลดโอกาสการสร้างมลพิษ มลภาวะ และฝุ่น PM 2.5 ออกมาจากตัวรถ

 

ดูเหมือนว่าสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในบ้านเราจะกลับมาอีกครั้ง เพื่อสุขภาพของคุณ และผู้ร่วมเดินทางไปกับคุณ การติดตั้งอุปกรณ์ช่วยลดฝุ่นขนาดเล็กนี้ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียว

 

บทความแนะนำ

 


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR & ECOMONEY
เผยแพร่วันที่ : 13/12/2023
โปรโมชั่นแนะนำ
“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”

กำลังโหลด