เบี้ยดีโดนใจ ประกันภัยชั้น 1 เบี้ยเริ่ม 750 บาท/เดือน พิเศษรับส่วนลดสูงสุด 30% เช็กเบี้ยที่นี่ กับ SILKSPAN

ทำผิดแต่ไม่พัง เติมน้ำมันผิดต้องทำยังไงให้รถรอด


เติมน้ำมันผิด ต้องตั้งสติ ทำอย่างไรให้เครื่องยนต์ไม่พัง

เคยไหม? เผลอเติมน้ำมันผิดประเภท เช่น เติมน้ำมันผิดเบนซินเป็นดีเซล หรือเติมน้ำมันผิดดีเซลเป็นเบนซิน แล้วเพิ่งมารู้ตัวตอนจ่ายเงินหรือกำลังจะออกรถ บางคนอาจตกใจจนมือสั่น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “อย่าเพิ่งสตาร์ทรถ!” บทความนี้จะพาคุณเข้าใจผลกระทบ อาการ วิธีรับมือ รวมถึงกรณีที่ประกันภัยรถยนต์สามารถช่วยได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เล็ก ๆ กลายเป็นค่าซ่อมหลักหมื่น

เข้าใจก่อนว่าเติมน้ำมันผิดมีผลอย่างไร

หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วการเติมน้ำมันผิดอาจส่งผลเสียหายรุนแรงต่อระบบภายในรถยนต์โดยไม่รู้ตัว

การเติมน้ำมันผิดประเภท เช่น เติมน้ำมันผิดเบนซินเป็นดีเซล หรือเติมน้ำมันผิดดีเซลเป็นเบนซิน  อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับระบบเครื่องยนต์ ระบบหัวฉีด หรือแม้กระทั่งระบบกรองเชื้อเพลิงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการสตาร์ทรถหลังจากเติมผิดไปแล้ว ความเสียหายอาจรุนแรงจนต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือระบบเครื่องยนต์บางส่วน โดยการเติมน้ำมันผิดอาการที่จะเกิดขึ้นหากมีการสตาร์ทรถ เช่น สตาร์ทติดยากหรือไม่ติดเลย เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควันท่อไอเสีย เครื่องยนต์สะดุดหรือกระตุกแรง เครื่องยนต์ดับกะทันหัน เป็นต้น

สิ่งที่ห้ามทำทันทีเมื่อรู้ว่าเติมน้ำมันผิด

เมื่อรู้ตัวว่าเติมน้ำมันผิด สิ่งแรกที่ควรทำคือหยุดทันที อย่าปล่อยให้ความตื่นตระหนกทำให้คุณทำสิ่งที่เสี่ยงต่อความเสียหายมากขึ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดหากรู้ตัวว่าเติมน้ำมันผิด คือ ห้ามสตาร์ทรถอย่างเด็ดขาด! เพราะการสตาร์ทจะทำให้น้ำมันที่เติมผิดเข้าสู่ระบบเชื้อเพลิงทันที ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหายหลายขั้นตอน เช่น การกัดกร่อนภายในหัวฉีด การอุดตันในกรองน้ำมัน และการเสียหายของปั๊มเชื้อเพลิง

ควรดึงกุญแจออกทันที แจ้งพนักงานปั๊มน้ำมันหรือเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน แล้วให้ช่างดำเนินการดูดน้ำมันออกจากถังโดยเร็วที่สุด หากมีบริการลากรถหรือศูนย์ซ่อมใกล้เคียงควรพิจารณาใช้บริการทันที การแก้ไขตั้งแต่ยังไม่สตาร์ทจะช่วยลดโอกาสความเสียหายได้เกือบทั้งหมด และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้หลายเท่าตัว

เติมน้ำมันผิด ต้องตั้งสติ ทำอย่างไรให้เครื่องยนต์ไม่พัง

วิธีแก้ไขเมื่อเติมน้ำมันผิดประเภท

หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญคือการรู้ขั้นตอนแก้ไขอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนอาจต้องเปลี่ยนระบบเครื่องยนต์

  1. ยังไม่สตาร์ทรถ: หากยังไม่สตาร์ทรถเลย ให้ดำเนินการดูดน้ำมันออกจากถังให้หมดโดยเร็วที่สุด จากนั้นล้างถังน้ำมัน และเติมน้ำมันที่ถูกต้องเข้าไปใหม่ พร้อมตรวจสอบระบบกรองเชื้อเพลิง ตรวจสอบว่าระบบท่อส่งเชื้อเพลิงไม่ได้ปนเปื้อนและยังอยู่ในสภาพปกติ
  2. สตาร์ทรถไปแล้ว: ความเสียหายอาจกระจายไปถึงหัวฉีด ปั๊มเชื้อเพลิง หรือแม้กระทั่งเครื่องยนต์ ต้องให้ช่างมืออาชีพประเมิน ตรวจระบบเชื้อเพลิงทั้งระบบ และอาจต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ได้รับผลกระทบ เช่น หัวฉีดหรือกรองน้ำมัน การล้างระบบอาจต้องใช้น้ำยาพิเศษ รวมถึงใช้เครื่องมือเฉพาะในการดูดและเป่าระบบให้แห้งสนิท
  3. ในกรณีรถดีเซลเติมเบนซิน: เบนซินไม่มีสารหล่อลื่นเหมือนดีเซล จึงอาจทำให้ปั๊มดีเซลเสียหายได้อย่างรวดเร็ว หากมีการสตาร์ทรถไปแล้ว ความเสียหายมักจะมากกว่า และอาจส่งผลให้ต้องเปลี่ยนระบบหัวฉีดทั้งหมด การตรวจสอบคราบน้ำมันในท่อร่วมไอดีและหัวฉีดจำเป็นต้องทำโดยละเอียด
  4. ในกรณีรถเบนซินเติมดีเซล: ดีเซลจะไม่เผาไหม้ได้ดีในเครื่องยนต์เบนซิน ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด หรือหากติดอาจมีควันดำและอาการสะดุด ต้องล้างระบบอย่างละเอียดเช่นกัน และอาจต้องเปลี่ยนหัวเทียนหากมีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ที่ทำให้เกิดคราบเขม่าเกาะอยู่

ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในกรณีใด การพาเข้าศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานและมีประสบการณ์เฉพาะทางด้านระบบเชื้อเพลิงจะช่วยให้สามารถซ่อมแซมได้ตรงจุดและปลอดภัยที่สุดในระยะยาว

ให้ประกันรถคุ้มครองทุกการเดินทาง ผ่อนประกันรถชั้น 1 0% ที่ SILKSPAN

ประกันรถยนต์คุ้มครองกรณีเติมน้ำมันผิดหรือไม่?

หลายคนอาจไม่แน่ใจว่ากรณีนี้อยู่ในความคุ้มครองของประกันภัยหรือไม่ ส่วนนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อหรือเคลมประกัน

โดยทั่วไป กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไม่ครอบคลุมกรณีที่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ใช้ เช่น การเติมน้ำมันผิดประเภท เพราะถือเป็นความประมาทของผู้ขับขี่ อย่างไรก็ตาม บางแผนประกันที่มีบริการเสริมพิเศษหรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน อาจให้ความช่วยเหลือในขั้นตอนการดูดน้ำมันหรือพารถเข้าศูนย์ซ่อมได้

ก่อนซื้อประกันรถยนต์ ควรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครองในกรณีลักษณะนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับความช่วยเหลือเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์จริง

เคล็ดลับหลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันผิดในอนาคต

ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ รวมเทคนิคเล็กน้อยแต่ได้ผลจริง ที่จะช่วยลดโอกาสเกิดความผิดพลาดซ้ำซาก

  • ดูที่สติกเกอร์ฝาถังทุกครั้งก่อนเติม: รถทุกคันจะมีการระบุชัดเจนว่าใช้น้ำมันประเภทใด หากเป็นรถเช่าหรือรถที่ไม่คุ้นเคยยิ่งควรตรวจสอบให้แน่ชัด
  • เติมน้ำมันด้วยตัวเอง: แม้ปั๊มน้ำมันจะมีพนักงานบริการ แต่การลงจากรถไปตรวจสอบด้วยตนเองจะช่วยลดข้อผิดพลาดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน
  • ใช้แอปบันทึกหรือสติกเกอร์แจ้งเตือน: โดยเฉพาะสำหรับบ้านที่มีรถหลายคัน การใช้สติกเกอร์หรือป้ายแขวนหน้ารถที่ระบุประเภทน้ำมันชัดเจนจะช่วยลดความเสี่ยงได้ดี
  • ไม่รีบเร่งเกินไป: หลายกรณีเกิดจากความเร่งรีบ เช่น สายไปทำงานหรืออยู่ในช่วงฝนตก ควรสละเวลาไม่กี่วินาทีเพื่อยืนยันความถูกต้องทุกครั้งก่อนเติม
  • ให้ข้อมูลกับพนักงานอย่างชัดเจน: หากให้พนักงานเติม ควรพูดชื่อประเภทน้ำมันให้ชัด เช่น “แก๊สโซฮอล์ 95” หรือ “ดีเซล B7” อย่าใช้คำกว้าง ๆ เช่น “เติมเต็ม” หรือ “น้ำมันธรรมดา” ที่อาจตีความคลาดเคลื่อนได้

สรุป

การเติมน้ำมันผิดประเภทอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งสติ และดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้องทันที โดยเฉพาะการไม่สตาร์ทรถก่อนดูดน้ำมันออก จะช่วยลดโอกาสความเสียหายต่อระบบเครื่องยนต์อย่างมาก และแม้ประกันจะไม่คุ้มครองค่าเสียหายโดยตรง แต่หากมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินก็ยังสามารถช่วยลดภาระในยามจำเป็นได้


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 08/06/2025
รับข้อเสนอพิเศษ

จองสิทธิ์ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ รับส่วนลดสูงสุด 30% กว่า 20 บริษัทชั้นนำ

  1. ต่ออายุล่วงหน้า รับส่วนลดเพิ่ม สูงสุดกว่า 500 บาท
  2. ผ่อนบัตรเครดิต ผ่อนเงินสด ได้สูงสุด 10 เดือน
  3. ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
  4. ฟรีรถใช้ระหว่างซ่อม หรือ เบิกค่าเดินทาง 1,000 บาท

กรอกข้อมูล เพื่อ “รับข้อเสนอพิเศษ” ต่อประกันรถยนต์

taff-call
“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”
line

กำลังโหลด