
รถเสียหายจากแผ่นดินไหว ประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนครอบคุ้มบ้าง ?

จากเหตุการณ์ “แผ่นดินไหว” เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ศูนย์กลางจะอยู่ที่ประเทศเมียนมา แต่แรงสั่นสะเทือนก็ถูกส่งมาไกลถึงหลาย ๆ ภูมิภาคในประเทศไทย โดยเฉพาะ เชียงใหม่ ตาก ลำพูน และ กรุงเทพมหานคร ซึ่งนี่คือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เกิดความเสียหายขึ้นกับอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงรถยนต์หลาย ๆ คัน ก็ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ บทความนี้เราจะมาไขข้อสงสัย ต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหน ถึงจะให้ความคุ้มครองเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ?
แผ่นดินไหว เป็นภัยธรรมชาติที่อาจทำให้รถเกิดความเสียหายได้อย่างไรบ้าง ?
เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในประเทศไทย เหตุการณ์ที่ผ่าน ๆ มาก็จะมีแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เลยอาจทำให้หลายคนไม่มีการเตรียมตัวเตรียมใจ เกิดความกังวลโกลาหลเป็นอย่างมากในหลาย ๆ พื้นที่ อาคารสูงหลาย ๆ อาคารเกิดความเสียหาย และ รถยนต์จำนวนมากก็เกิดความเสียหายเช่นเดียวกัน มาดูกันเลยว่าความเสียหายของรถยนต์ ที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ พบอะไรบ้าง ?
- ที่พบมากที่สุดจะเป็น ความเสียหายจากสิ่งของที่ตกลงมาจากที่สูง บริเวณโครงหลังคา และ ส่วนของกระจกแตกร้าว
- รถเสียหายจากอุบัติเหตุขณะที่เกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากผู้คนบนท้องถนนต่างก็ตื่นตระหนก ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก
- รถยนต์เสียหายโดยสิ้นเชิงเนื่องจากถูกวัตถุขนาดใหญ่หล่นทับ เช่น ถูกป้ายโฆษณา , ต้นไม้ขนาดใหญ่ หรือ เศษซากปรักหักพังจากอาคารสูง
- เสียหายจากไฟไหม้รถ เนื่องจากบริเวณที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว อาจทำให้เกิดประกายไฟ บางจุดก็มีท่อแก๊ส เลยทำให้เกิดไฟไหม้รถเสียหาย
ประกันรถยนต์ชั้นไหน คุ้มครองภัยธรรมชาติบ้าง ?
แม้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหว จะเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับตัวรถ เราก็คาดหวังว่าจะได้ความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์ที่ทำเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทจะให้ความคุ้มครอง เมื่อรถเสียหายจากภัยธรรมชาติอย่างเช่นเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ มาดูกันเลยว่าถ้าอยากได้ความคุ้มครองเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ ควรเลือกทำประกันชั้นไหนดีที่สุด
-
ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองแผ่นดินไหว น้ำท่วม และไฟไหม้หรือไม่ ?
ในเมื่อประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นรูปแบบความคุ้มครองที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นจึงมีความคุ้มครองเมื่อเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น แผ่นดินไหว , ลูกเห็บ , น้ำท่วม , ฟ้าผ่า ไปจนถึง พายุพัดต้นไม้จนล้มทับรถ เป็นต้น ซึ่งยังรวมไปถึงความเสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์ไฟไหม้อีกด้วย ทั้งนี้เราต้องขอยึดหลักการโดยทั่วไปเอาไว้ก่อน ว่าผู้ซื้อประกันควรอ่านรายละเอียดในกรมธรรม์ให้ดี ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คุณให้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติ และ ภัยธรรมชาติอะไรบ้างที่ให้ความคุ้มครอง หากสงสัยต้องสอบถามให้แน่ชัด ก่อนตัดสินใจซื้อ
-
ความคุ้มครองของประกันชั้น 2+ และ 3+ ในกรณีภัยธรรมชาติ
หากใครคิดว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 มีเบี้ยประกันแพงเกินไป อยากจะลดลงมาที่ประกันชั้น 2+ หรือ ประกันชั้น 3+ ในส่วนนี้ต้องทำใจเล็กน้อย เพราะความคุ้มครองของประกันทั้งสองชั้นส่วนมากไม่นับรวมภัยธรรมชาติ นอกจากจะเป็นข้อเสนอพิเศษจากบางบริษัทเท่านั้น ที่จะทำให้ประกันชั้น 2+ และ 3+ ให้ความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติ พร้อมกับข้อเสนอพิเศษที่ได้ อาจไม่ได้ครอบคลุมความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติทั้งหมด อาทิเช่น คุ้มครองเฉพาะรถที่ถูกน้ำท่วมเท่านั้น หรือ อาจไม่นับรวมแผ่นดินไหวว่าเป็นภัยธรรมชาติ อาจแยกเป็นความเสี่ยงเฉพาะ
-
เงื่อนไขเพิ่มเติมที่ควรรู้ หากต้องการความคุ้มครองภัยธรรมชาติ
ถึงจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ตาม แต่เราก็อยากให้ทุกคนได้อ่านเงื่อนไขความคุ้มครองโดยละเอียด เนื่องจากอาจมีรายละเอียดบางส่วนที่เรามองข้ามไป ทำให้เมื่อต้องการเคลมประกันขึ้นมาจริง ๆ อาจไม่สามารถเคลมได้อย่างที่ต้องการ อาทิเช่น ควรมองหาคำว่า “ภัยธรรมชาติ” ในความคุ้มครอง , มีบางบริษัทที่แยก “แผ่นดินไหว” ออกจากภัยธรรมชาติอื่น ๆ , เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาการเคลมหลังจากรถเสียหาย หรือ เงื่อนไขเกี่ยวกับการห้ามเคลื่อนย้ายรถเองโดยพลการ เป็นต้น
ตารางเปรียบเทียบความคุ้มครอง |
|||||
ชั้นประกัน |
แผ่นดินไหว | น้ำท่วม | ไฟไหม้ | ถูกโจรกรรม |
อุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี |
ชั้น 1 |
✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
ชั้น 2 | ❌ | ❌ | ✔️ | ✔️ | ❌ |
ชั้น 3 |
❌ | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ |
ชั้น 2+ |
✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ |
ชั้น 3+ ( บางบริษัท ) |
✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ |

เคล็ดลับประหยัดเบี้ยประกันแต่ยังครอบคลุมภัยแผ่นดินไหว
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น ยังสร้างแผลใจขนาดใหญ่กับคนไทยอีกด้วย เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่มีความสูญเสียร้ายแรง หลายคนตอนนี้ยังไม่กล้าขึ้นอาคารสูง ๆ และอีกหลายคนยังต้องกังวล กับความเสียหายของทรัพย์สินที่เกิดจากแผ่นดินไหว นั่นจึงพิสูจน์ได้เลยว่า “ความเสี่ยง” เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นหากคุณกำลังอยากผ่อนหนักให้กลายเป็นเบา ด้วยการทำประกันภัยรถยนต์ แต่ก็อยากให้ประหยัดเบี้ยให้มากที่สุด เรามีเคล็ดลับมาฝาก
- เปรียบเทียบเบี้ยประกันก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งต้องมั่นใจว่ามีความคุ้มครองเมื่อรถเสียหายจากแผ่นดินไหว ระบุเอาไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน
- รักษาคะแนนความประพฤติในการขับขี่เอาไว้ให้มากที่สุด หากไม่มีการเคลมในกรณีที่เป็นฝ่ายผิด ในปีถัด ๆ ไปจะได้ลดเบี้ยประกันลงมา
- ระบุชื่อผู้ขับขี่ให้ชัดเจน และ ควรระบุค่าเสียหายส่วนแรก ร่วมด้วย เนื่องจากจะช่วยประหยัดเบี้ยประกันได้พอสมควรเลยทีเดียว
- ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ผ่านบริษัทโบรกเกอร์ที่มีโปรโมชั่นมอบให้ลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น SILKSPAN ที่มอบส่วนลดให้ลูกค้ากว่า 30% จากเบี้ยประกัน
บทส่งท้าย
ใครเคยคิดว่า อยู่ในประเทศไทยจะปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหว น่าจะต้องคิดใหม่แล้วจากเหตุการณ์เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา และ ภัยธรรมชาติยังมีอีกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น พายุฝน , น้ำท่วม ไปจนถึง ฟ้าผ่า เพราะฉะนั้นหากคุณไม่อยากเผชิญกับความเสี่ยง ที่รถเสียหายจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ แล้วไม่สามารถหาใครมารับผิดชอบได้ ขอแนะนำเลยว่าควรเลือก “ประกันภัยรถยนต์” ให้มีความครอบคลุมสักหน่อย
ส่วนใครที่ลังเลว่าจะเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 จากบริษัทไหนดี ? เพื่อรองรับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ SILKSPAN ยินดีพร้อมให้คำปรึกษา เพียงคุณกรอกข้อมูลด้านล่างบทความนี้เอาไว้เท่านั้น แล้วเราจะรีบติดต่อไปโดยเร็วที่สุด