ประกันชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้น 750บาท/เดือน

ค่า excess กับ Deductible คืออะไร มารู้จักค่าเสียหายส่วนแรกแบบ excess กับ deductible


ค่า excess กับ deductible

        สำหรับคนมีรถ และทำประกันรถยนต์ทุกคนต้องเคยได้ยิน หรือเคยเจอมากับตัว และเกิดความสงสัยคำว่า “ค่าเสียหายส่วนแรก” และสงสัยว่าระหว่างคำว่า “Excess” และ “Deductible” มีความเหมือน ความเกี่ยวข้อง และความต่างกันอย่างไร เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็อาจเคยโดยประกันภัยรถยนต์ของคุณเรียกเก็บค่า ค่า Excess หรือค่าเสียหายส่วนแรก แล้วต่างกันอย่างไรที่ต้องจ่าย ค่า Deduct หรือ Dedutible ตอนเคลมประกัน ในเมื่อทั้งสองคำนี้ต่างเรียกว่า “ค่าเสียหายส่วนแรก” เหมือนกัน แล้วมีความเหมือน และแตกต่างกันอย่างไร มาทำความรู้จักกับ ค่า Excess และ ค่า Deductible พร้อมเทคนิคใช้ค่าเสียหายส่วนแรกนี้ในการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ และเทคนิคการเคลมประกันภัยแบบไม่มีคู่กรณีอย่างไรให้ไม่เสียค่า Excess ประกันชั้นไหนที่เกี่ยวข้องกับค่าเสียหายส่วนแรกทั้งสองตัวนี้ SILKSPAN จะมาไขข้อข้องใจกับความสงสัยนี้ให้ในบทความนี้

 

ค่า excess หรือค่าเสียหายส่วนแรก คืออะไร

        ค่า Excess คือ ค่าเสียหายส่วนแรก  เป็นค่าเสียหายที่หากเกิดเหตุขึ้นจะถูกบังคับเก็บ ให้จ่ายไปให้กับทางบริษัทประกัน สำหรับค่า Excess นี้ไม่ว่าคุณจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ถ้าหากต้องการเคลมก็ต้องโดนบังคับเก็บโดนไม่เว้น ค่า Excess จะต้องจ่ายเมื่อต้องการ “เคลมแบบไม่มีคู่กรณี” หรือเป็นการเคลมแบบ “ไม่สามารถระบุสาเหตุได้” เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และต้องการเคลมก็ต้องจ่ายค่า Excess ให้กับทางบริษัทประกันเป็นรายครั้งต่อเหตุการณ์ 

ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่จะต้องจ่ายค่า Excess เช่น

  • การถูกชนแล้วหนี หาคู่กรณีไม่ได้ หรือไม่มีหลักฐานบ่งบอกคู่กรณี
  • รถมีรอยโดนขีดข่วน สร้างความเสียหายเช่น สีลอก
  • หิน หรือวัตถุใดๆ กระเด็นใส่รถจนทำให้เกิดความเสียหาย
  • รถครูดเสา ฟุตบาท หรือตกหลุม
  • รถเหยียบตะปู หรือของมีคมอื่น ทำให้ยางฉีก
  • รถถูกสัตว์กัดแทะ เช่น สุนัขกัดรถ หรือแมวข่วน

 

ค่า excess จ่ายยังไง แล้วต้องจ่ายกับใคร

        เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เกิดอุบัติและต้องการ “เคลมแบบไม่มีคู่กรณี” หรือเป็นการเคลมแบบ “ไม่สามารถระบุสาเหตุได้”  ทางผู้ที่ทำประกันจะต้องทำการเสียค่า Excess หรือค่าเสียหายส่วนแรกนี้ ให้ทางบริษัทประกันที่คุณได้ทำให้รถยนต์เป็นจำนวนเงินตามที่ได้ตกลงกับทางบริษัทไว้ตั้งแต่แรกเมื่อเริ่มทำประกัน โดยส่วนมากจะต้องเสียค่า Excess จะอยู่ที่ราวๆ 1,000 บาทต่อเหตุการณ์ และมักจะไม่เกิน 8,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งในบางครั้งก็อาจเกินเนื่องจากเกิดความเสียหายหนัก หรือหลายรอย 

        การเก็บค่า Excess นั้นเป็นการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น และต้องการเคลมแบบประไม่มีคู่กรณี หรือไม่สามารถระบุสาเหตุได้  ไม่ว่าจะทำประกันรถยนต์ชั้นก็จำเป็นต้องจ่ายค่า Excess หรือค่าเสียหายส่วนแรกนี้ด้วยเช่นกัน เพราะบริษัทประกันต้องการป้องกันการเคลมโดยที่ไม่มีอุบัติเหตุจริง แต่อาจเป็นเจตนาที่ต้องการซ่อมรถ เช่น ต้องการทำสีรอบคัน หรืออยากทำสีใหม่ โดยอาจสร้างรอยแผลให้กับรถยนต์ขึ้นมาเอง แล้วจึงแจ้งประกันเพื่อทำการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี หรือระบุสาเหตุไม่ได้ เนื่องจากรู้ว่าอย่างไรก็ตามก็สามารถทำเรื่องเคลมได้อย่างแน่นอน

 

ค่า excess กับ deductible ต่างกันอย่างไร

ค่า Deductible หรือค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ คืออะไร

        ค่าดีดัก (deductible) หรือค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ เป็นสิ่งมักสร้างความสับสนกับค่า Excess ที่มีชื่อเรียกใกล้เคียงกัน ค่า Deduct จะต้องจ่ายเมื่อคุณยอมเสียค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจ ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิด หรือเคลมแบบไม่มีคู่กรณี แต่ความพิเศษอย่างหนึ่งสำหรับค่า Deductible คือ เมื่อคุณเลือกระบุค่า Deduct ลงไปในกรมธรรม์ประกันภัย ก็จะสามารถใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันลงไปได้ สามารถระบุได้ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2+, ประกันรถยนต์ชั้น 3+ และประกันรถยนต์ชั้น 3 ค่า Deduct สามารถระบุได้ตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท สมมติว่าค่าเบี้ยประกันรถยนต์ของคุณ คือ 15,000 บาท คุณระบุค่า Deduct ไป 2,000 บาท คุณจะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยในทันที และจ่ายเพียง 13,000 บาท แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น และคุณเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีคู่กรณี คุณจะต้องจ่ายค่า Deduct 2,000 ให้กับบริษัทเช่นกัน

        ดังนั้นค่า Deduct สามารถช่วยประหยัดค่าเบี้ยได้ แต่เหมาะสำหรับคนที่ขับรถดี มีความเชี่ยวชาญ และไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ แต่ค่า Deduct เองก็อาจไม่ได้มีทุกบริษัท หากคุณต้องการใช้ค่า Deduct เป็นส่วนลดอาจต้องทำการสอบถามไปยังบริษัทประกันก่อนว่ามีบริการค่า Deduct หรือไม่

 

ค่า Deductible มีเงื่อนไขการจ่ายอย่างไร

จ่ายค่า deductible สำหรับประกันรถชั้น 1

        ค่า Deduct หรือค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจนี้ ไม่ว่าจะทำประกันชั้นไหนก็สามารถเลือกรับเงื่อนไขนี้ได้ เมื่อคุณเลือกที่จะรับเงื่อนไขค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครนี้ไปแล้ว คุณจะได้รับส่วนลดนั้นๆ ให้กับค่าเบี้ยประกันไปได้ในทันที แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ และเป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีคู่กรณี คุณก็จะต้องทำการจ่ายค่า Deduct เหมือนเป็นค่าผิดสัญญาให้กับบริษัทประกันนั่นเอง

        ค่า Deduct สามารถช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงได้เยอะกว่าที่คิด ค่า Deduct สามารถระบุในกรมธรรม์ได้ตั้งแต่ 1,000 บาท และสูงสุดประมาณ 5,000 บาท สำหรับคนที่ขับรถดี มีความเชี่ยวชาญในการขับขี่ และไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุบ่อย หรือถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ แต่เป็นฝ่ายถูก ก็ไม่ต้องเสียค่า Deduct เลยสักบาท ลองคิดว่าถ้าหากคุณต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์ 15,000 และสามารถเลือกรับเงื่อนไขค่า Deduct 2,000 บาท ค่าเบี้ยประกันของคุณจะเหลือเพียง 13,000 บาท โดยที่ยังไม่รวมค่าส่วนลดอื่นๆ ที่สามารถใช้ลดค่าเบี้ยลงไปได้อีก 

        สำหรับผู้ขับขี่ที่พิจารณาแล้วมีความเชี่ยวชาญในการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อออกรถใหม่ป้ายแดง และต้องการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ค่า Deduct นี้ก็จะเป็นส่วนช่วยอย่างมากในการลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่ค่อนข้างสูงให้ลดลงได้เช่นกัน

ไม่จ่ายค่า deductible สำหรับประกันรถชั้น 1

        สำหรับผู้ที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หลายคนอาจมีความลังเลใจว่าจะรับเงื่อนไขค่า Deduct ดีหรือไม่ อาจทำการพิจารณาจากการขับขี่ของตนเองได้ก่อน หากเป็นผู้ขับขี่มือใหม่ป้ายแดง และยังมีความไม่ชำนาญในการขับขี่ เงื่อนไขค่า Deduct อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ในการใช้เพื่อช่วยลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ แถมถ้ายังขับขี่ไม่ชำนาญ และรับเงื่อนไขค่า Deduct มาก็อาจทำให้ต้องจ่ายค่า Deduct ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุที่เป็นฝ่ายผิด เช่น การชนท้ายรถคันข้างหน้า หรือการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี เช่น การถอยครูดรั้วบ้าน เสาบ้าน เสาไฟ กำแพงบ้าน ฟุตบาท ลูกระนาด ที่มักเป็นเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยสำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ ลองนึกดูว่าถ้ารับเงื่อนไขค่า Deduct 2,000 บาทได้รับส่วนลดจากค่าเบี้ยประกันได้ในทันที แต่เกิดอุบัติเหตุที่ต้องเสียค่า Deduct ไป 5 ครั้ง ก็เท่ากับต้องเสียค่า Deduct ที่ผิดสัญญา ผิดเงื่อนไขกับทางประกันไปแล้วกว่า 10,000 บาทนั่นเอง

 

SILKSPAN LIVE

 

ค่า excess กับ Deductible ต่างกันอย่างไร

ค่า Excess มีความแตกต่างกับ ค่า Deductible ที่…

ค่า Excess หรือ ค่าเสียหายส่วนแรก

  • เป็นค่าเสียหายที่จ่ายร่วมให้กับบริษัท
  • ต้องจ่ายเมื่อเคลมแบบไม่มีคู่กรณี
  • ต้องจ่ายเมื่อเคลมแบบไม่สามารถระบุสาเหตุได้
  • แม้ว่าเป็นประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีก็ต้องจ่ายเช่นกัน
  • จ่ายให้บริษัทประกันเริ่มต้นประมาณ 1,000 ต่อเหตุการณ์ 
  • เมื่อทำเรื่องเคลมแล้วมีผลต่อค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป
  • ต้องเสียค่า Excess เฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 และชั้น 1 Low Cost ที่ไม่สามารถระบุคู่กรณี หรือสาเหตุในการเกิดรอยต่างๆ ที่จะเคลมได้

ค่า Deduct หรือค่า Deductible หรือค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ

  • ต้องจ่ายเมื่อเคลมเป็นฝ่ายผิด
  • ต้องจ่ายเมื่อเคลมแบบไม่มีคู่กรณี
  • เป็นเงื่อนไขที่ระบุแล้วสามารถใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันได้ แต่ต้องจ่ายเป็นจำนวนเงินที่ตกลงไว้ทุกครั้งเมื่อเกิดการผิดสัญญา
  • ระบุได้ตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท (รถยนต์นิยมระบุเริ่มต้นที่ 2,000 บาท)
  • เหมาะกับคนขับขี่ดี ไม่มีค่อยอุบัติเหตุ
  • สามารถระบุได้ทั้งประกันรถยนต์ชั้น1 ,ประกันรถยนต์ชั้น 1 Low Cost ,ประกันชั้น 2+ และประกันชั้น 3+

 

ประกันรถยนต์ชั้น 1 ชนแบบไม่มีคู่กรณี ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกอย่างไร

        สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 1 และชั้น 1 Low Cost จะเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองในแบบไม่มีคู่กรณี ถ้าหากสามารถระบุสาเหตุของการเกิดรอยได้ สามารถทำเรื่องเคลมได้ตามปกติ แต่ถ้าหากไม่สามารถระบุสาเหตุของการเกิดรอยได้ เช่น มีรอยสีถลอก แต่ไม่สามารถระบุได้เกิดขึ้นเมื่อใด และเกิดจากอะไร 

        สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 1 ถ้าไม่ได้ระบุค่า Deduct ก็ไม่ต้องเสีย แต่ถ้าระบุค่า Deduct ไว้ก็ต้องเสียค่า Deduct ตามจำนวนที่ระบุ พร้อมกับค่า Excess เหตุการณ์ละ 1,000 บาท สมมติว่าระบุค่า Deduct ไว้ 2,000 บาท จะต้องจ่ายทั้งหมด 2,000 + 1,000 = 3,000 บาท

        และสำหรับประกันรถยนต์ชั้น 1 Low Cost โดยทั่วไปทางบริษัทประกันจะทำการกำหนดค่า Deduct และค่า Excess มาไว้แล้ว เช่น เมื่อเกิดเหตุการณ์ชนแบบไม่มีคู่กรณี ระบุสาเหตุไม่ได้ จะต้องเสียค่า Deduct 3,000 บาท และค่า Excess 1,000/เหตุการณ์ จะต้องจ่ายทั้งหมด 3,000 + 1,000 = 4,000 บาท

        ดังนั้นจะสรุปได้ว่าสำหรับประกันภัยชั้น 1 ที่ระบุค่า Deduct และ 1 Low Cost หากเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี และไม่สามารถระบุสาเหตุการเกิดได้ จะต้องจ่ายทั้งค่า Deduct และค่า Excess นั่นเอง

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับค่า excess กับ deductible

ควรระบุค่า Deductible มากหรือน้อยในการทำประกันรถยนต์

        การเลือกระบุค่า Deduct เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยในการลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ให้กับรถของคุณ การระบุค่า Deduct สามารถระบุได้ตั้งแต่ 1,000 บาท และสูงสุดถึง 5,000 บาท เมื่อระบุแล้วก็จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยตามจำนวนที่ระบุได้ในทันที และสามารถลดค่าเบี้ยประกันลงได้อีกตามเงื่อนไขการลดค่าเบี้ยประกันในส่วนอื่นๆ แต่การพิจารณาการเลือกระบุค่า Deduct ว่าควรระบุที่เท่าไหร่ดี ควรพิจารณาจากประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการขับขี่ ยิ่งมีประสบการณ์มา ยิ่งมีความมั่นใจว่าจะไม่เป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุ หรือไม่มีโอกาสเกิดการเคลมแบบไม่มีคู่กรณีนั้น ก็ยิ่งสามารถระบุค่า Deduct ได้สูง ถึงแม้ว่าจะเริ่มระบุได้ตั้งแต่ 1,000 บาท แต่โดยทั่วไปมักจะเริ่มระบุค่า Deduct ที่ 2,000 บาท แต่ก็อย่าลืมคำนวณถึงว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุที่ตามเงื่อนไขที่ต้องเสียค่า Deduct ให้บริษัทก็จะต้องจ่ายค่า Deduct คราวละ 2,000 บาทตามที่ระบุไว้เช่นกัน และถ้าหากในปีนั้น มีอุบัติเหตุที่เป็นฝ่ายผิด หรือไม่มีคู่กรณีเกิดขึ้นหลายครั้งก็เท่ากับต้องเสียค่า Deduct 2,000 บาทคูณจำนวนครั้งไป

เคลมประกันแบบไม่มีคู่กรณีอย่างไรไม่ให้เสียค่า excess

        สำหรับการเคลมประกันรถยนต์ชั้น 1 และ 1 Low Cost ที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี จำเป็นจะต้องระบุสาเหตุที่เกิดรอย หรือแผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรถของคุณให้ได้ เช่น ถ้าหากถอยรถครูดรั้วบ้านก็ต้องมีหลักฐานที่ระบุชัดเจน มีรอยแผลที่ตรงตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ก็จะสามารถเคลมแบบไม่มีคู่กรณีได้

        และการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ในแบบโดนชนแล้วหนี สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะไม่ได้ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ถ้าหากต้องเคลม จำเป็นจะต้องหากหลักฐาน เช่น ภาพจากกล้องหน้ารถ กล้องวงจร ที่สามารถระบุรายละเอียดของคู่กรณีได้อย่างชัดเจน เพื่อให้เป็นหลักฐานในการดำเนินการเคลมแบบรถชนรถได้เช่นกัน เช่นเดียวกันในกรณีนี้ประกันรถยนต์ชั้น 1 และ 1 Low Cost ก็สามารถดำเนินการแบบเดียวกันได้ เพื่อทำการเคลมแบบรถชนรถ

ค่า excess กับ deductible ประกันชั้นไหนต้องระบุ และต้องจ่ายบ้าง

ค่า Excess

ประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 1 Low Cost 

        หากเคลมแบบไม่มีคู่กรณี หรือไม่สามารถระบุสาเหตุได้ จะต้องจ่ายค่า Excess ให้ทางประกัน 1,000 บาท/เหตุการณ์

ค่า Deductible 

ประกันรถยนต์ชั้น 1

        ค่า Deductible สามารถเลือกระบุ หรือไม่ระบุก็ได้ ถ้าระบุค่า Deductible แล้วก็จะได้รับการลดค่าเบี้ยตามยอดที่ระบุ

ประกันรถยนต์ชั้น 1 Low Cost

        ค่า Deductible ไม่สามารถเลือกระบุได้ ทางบริษัทจะเป็นฝ่ายระบุมาให้แล้ว โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3,000 บาท และจะได้รับการลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ 3,000 บาทตามยอด

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+

        สามารถระบุค่า Deductible ได้ตามจำนวนที่กำหนดคือ 2,000 บาทเท่านั้น เมื่อระบุแล้วก็สามารถลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ได้เช่นกัน

 

สรุปค่า excess กับ Deductible ถ้าเกิดการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ประกันรถยนต์แต่ละชั้นต้องจ่ายเท่าไหร่

        สรุปง่ายๆ สำหรับ “ค่าเสียหายส่วนแรก” ในกรณีที่เกิดการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี หรือไม่สามารถระบุสาเหตุได้

1.ประกันรถยนต์ชั้น 1

        หากระบุค่า Deduct จะต้องจ่ายค่า Deduct ตามจำนวนที่ระบุไป (สามารถระบุได้ 1,000 – 5,000 บาท) + ค่า Excess 1,000 บาท/เหตุการณ์

2.ประกันรถยนต์ชั้น 1 Low Cost

        จะมีการกำหนดค่า Deduct มาให้จากทางบริษัทประกันภัยแล้ว โดยทั่วไป จะระบุไว้ที่ 3,000 บาท + ค่า Excess 1,000 บาท/เหตุการณ์

3.ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+

        เนื่องจากประกันไม่ได้ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ดังนั้นไม่ต้องจ่ายค่า Excess แต่ถ้าหากต้องการซ่อมรถ จะต้องเป็นเจ้าของรถ เป็นฝ่ายดำเนินการ และรับผิดชอบค่าซ่อมเอง แต่ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+ ยังสามารถระบุค่า Deduct ได้ตามจำนวนที่บริษัทประกันระบุไว้คือ 2,000 บาท

        และสำหรับคนที่กำลังมองหาประกันออนไลน์ที่ให้ความคุ้มครองรถยนต์ ในราคาสบายกระเป๋าสามารถเข้ามาเปรียบเทียบเบี้ยประกัน และสอบถามขอคำปรึกษากับ SILKSPAN ที่พร้อมให้คำปรึกษากับทุกท่านได้เลย

 

 


เขียนโดย : Ecomoney
เผยแพร่วันที่ : 20/02/2023
บริการแจ้งเตือนผ่านช่องทางต่างๆ

กำลังโหลด