
ทะเบียนรถยนต์ขาดต่อภาษี แจ้งเคลมประกันได้ไหม

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการชำระภาษีรถยนต์หรือการต่อทะเบียนรถยนต์ทุกปี เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญและห้ามขาดการชำระเป็นอันขาด เพราะหากการผิดชำระภาษีจะมีโทษปรับและมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ขาดต่อทะเบียน ในบทความนี้เราได้รวบรวมทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องทะเบียนรถยนต์ขาดต่อภาษี ทั้งเรื่องทะเบียนขาดประกันจ่ายไหม และอื่น ๆ อีกมากมายในบทความนี้
ทะเบียนรถยนต์ขาดต่อภาษีคืออะไร
สำหรับรถยนต์ที่ขาดการชำระภาษี หรือไม่ได้ต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปี ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าของรถทุกคนที่มีต่อกรมการขนส่งทางบก โดยจะต้องมีหน้าที่ชำระภาษีการใช้รถเป็นประจำทุกปี หากพบว่าทะเบียนขาดหรือไม่ได้ต่อทะเบียนรถประจำทุกปีจะถือว่ามีความผิดและต้องถูกลงโทษตามกฎหมายที่กำหนด ซึ่งความสำคัญของการต่อทะเบียนรถยนต์ก็เปรียบเสมือนกับการต่ออายุให้กับรถของตนเองเพื่อให้สามารถขับขี่ได้บนท้องถนนต่อไป และในจุดนี้เองยังถือเป็นการบังคับให้มีการตรวจสภาพรถเบื้องต้นเพื่อตรวจสอบศักยภาพรถของคุณว่าสามารถใช้งานต่อได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้มีโอกาสในการอุบัติเหตุในระหว่างการขับขี่ นอกจากข้อดีของการต่อทะเบียนรถยนต์ตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ยังได้มีมาตรการที่ใช้บังคับสำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ทำการต่อทะเบียนรถยนต์อีกด้วย เพราะหากไม่ได้ต่อทะเบียนรถยนต์นานเกิน 3 ปี ก็จะถูกระงับการใช้งาน ดังนั้น ควรตรวจสอบรถของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ขาดต่อทะเบียนรถยนต์จะดีที่สุด
ทะเบียนขาดประกันจ่ายไหม
ถึงแม้ว่าทะเบียนรถยนต์จะขาดต่อภาษี แต่ประกันรถยนต์ก็ยังให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์แบบ 100% เนื่องจากทางบริษัทประกันรถยนต์จะยึดถือความถูกต้องระหว่างตัวรถคันที่เอาประกันกับรายละเอียดตามเอกสาร เช่น เลขทะเบียน เลขเครื่อง เลขตัวถัง สี และอุปกรณ์ต่าง ๆ หากรายละเอียดดังกล่าวมีความถูกต้องและครบถ้วนจะถือว่าประกันรถยนต์คุ้มครองตามปกติ ดังนั้น หากภาษีรถยนต์ขาดก็ยังไม่มีผลใด ๆ ต่อเรื่องของการเคลมประกัน
ประกันรถยนต์ไม่รับเคลมกรณีไหนบ้าง
สำหรับประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถขาดต่อภาษีได้ก็จริง แต่ก็ยังมีอีกหลายกรณีที่ประกันรถยนต์สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ หากปัญหาที่ผู้เอาประกันภัยพบเจอไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ ซึ่งมีกรณีดังต่อไปนี้
1. ไม่มีใบขับขี่
หากผู้เอาประกันภัยไม่มีใบขับขี่ โดยที่ไม่ได้มีการเข้าอบรมหรือสอบใบขับขี่ ประกันรถยนต์จะไม่รับผิดชอบความเสียหายในทุกกรณี โดยจะชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อตัวบุคคลแทน หากผู้เอาประกันภัยมีใบขับขี่แต่หมดอายุก็ยังจะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขเดิม ซึ่งขอมีแค่ใบขับขี่หรือหลักฐานยืนยันก็สามารถใช้เคลมประกันรถยนต์ได้
2. เมาแล้วขับ
หากผู้เอาประกันภัยตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แล้วพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามเงื่อนไขของกรมธรรม์จะไม่คุ้มครองและชดเชยความเสียหายใด ๆ เพราะถือว่าผู้เอาประกันภัยเมาแล้วขับ รวมทั้งยังได้รับโทษทางกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
3. ใช้รถผิดประเภท
การนำรถยนต์มาใช้ผิดประเภทจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแล้วนำไปใช้งานประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ เช่น รถขนสินค้า แท็กซี่ ทางประกันรถยนต์จะไม่รับผิดชอบ เนื่องจากเป็นการใช้รถยนต์ไม่ถูกประเภทตามที่ได้ระบุเอาไว้ในเอกสารกรมธรรม์
4. ใช้รถผิดกฎหมาย
การนำรถไปใช้งานผิดกฎหมาย เช่น ขนส่งยาเสพติด โจรกรรม ก่อคดีฆาตกรรม หรือขนอาวุธเถื่อน ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองหรือชดเชยความเสียหายทุกกรณีตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
5. ดัดแปลงสภาพเพื่อการแข่งขัน
การดัดแปลงรถโดยที่ไม่ได้มีการแจ้งกับทางบริษัทประกันจะไม่ได้รับความคุ้มครองหรือชดเชยความเสียหายในทุกกรณี ยกเว้นการดัดแปลงเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพในการขับเคลื่อนรถ เช่น ระบบเบรก ยางรถยนต์ และช่วงล่าง เป็นต้น ยังสามารถแจ้งให้บริษัทประกันรถยนต์รับทราบได้
6. ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุ
การตั้งใจทำให้เกิดอุบัติเหตุเพื่อหวังเงินชดเชย เช่น ตั้งใจชนคนที่รู้จัก ขับรถชนกำแพง หากบริษัทประกันรถยนต์พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องที่สร้างสถานการณ์ขึ้นเอง ซึ่งจะไม่ได้รับความคุ้มครองหรือชดเชยความเสียหายตามเงื่อนไข และอาจถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
7. บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด
หากความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้ ในกรณีนี้เองทางบริษัทประกันรถยนต์จะไม่ได้รับความคุ้มครองและชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับเรื่องการบรรทุกน้ำหนักตามข้อบังคับ คปภ.

ผลเสียที่ตามมาเมื่อ “ภาษีรถยนต์ขาดต่อ” นอกจากเรื่องประกัน
การไม่ต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เรื่องการเคลมประกันรถยนต์เท่านั้น แต่ยังตามมาด้วยผลเสียและบทลงโทษทางกฎหมายที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะอาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หรือไม่สามารถใช้รถยนต์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
บทลงโทษและค่าปรับทางกฎหมาย
เมื่อภาษีรถยนต์ของคุณขาดต่อ คุณจะต้องเผชิญกับบทลงโทษที่กำหนดโดยกฎหมาย ซึ่งเป็นค่าปรับที่ต้องชำระเพิ่มเติมจากภาษีที่ค้างอยู่ โดยอัตราค่าปรับจะคิดเป็นร้อยละ 1 ต่อเดือน ของยอดภาษีที่ต้องชำระ ยิ่งปล่อยให้ภาษีขาดนานเท่าไหร่ ค่าปรับก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น และหากเจ้าหน้าที่เรียกตรวจพบว่ารถยนต์ของคุณมีภาษีขาดต่อ นอกจากจะต้องเสียค่าปรับแล้ว ยังอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้อีกด้วย ซึ่งจะสร้างความยุ่งยากและเสียเวลาโดยไม่จำเป็น
รถถูกระงับทะเบียน คืออะไร?
สำหรับเจ้าของรถที่ละเลยการต่อภาษีรถยนต์เป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปล่อยให้ภาษีขาดต่อติดต่อกันเกิน 3 ปี กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการระงับทะเบียนรถคันนั้นๆ ทันที ซึ่งหมายความว่า รถคันดังกล่าวจะไม่สามารถนำไปใช้งานบนท้องถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกต่อไป การนำรถที่ถูกระงับทะเบียนไปใช้ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษที่รุนแรง หากต้องการนำรถกลับมาใช้งานอีกครั้ง จะต้องดำเนินการจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้เวลานานกว่าการต่อภาษีปกติมาก
ไม่ให้ภาษีรถยนต์ขาดต่อ ทำอย่างไร? เตรียมพร้อมต่อภาษีประจำปี
การป้องกันไม่ให้ภาษีรถยนต์ขาดต่อเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คุณคิด เพียงแค่คุณใส่ใจและเตรียมความพร้อมในการดำเนินการให้ตรงตามกำหนดเวลา เพื่อความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย
“พ.ร.บ.” คืออะไร? เกี่ยวข้องกับการต่อภาษีรถยนต์อย่างไร?
ก่อนที่คุณจะต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญและเป็นข้อบังคับตามกฎหมายคือ คุณจะต้องมี “พ.ร.บ.” หรือ “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” ซึ่งเป็นประกันภัยภาคบังคับที่รถยนต์ทุกคันต้องมี พ.ร.บ. ทำหน้าที่ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยจากรถยนต์ ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ตาม ดังนั้น พ.ร.บ. จึงเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องแสดงทุกครั้งเมื่อไปดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ หากไม่มี พ.ร.บ. ที่ถูกต้องและยังไม่หมดอายุ ก็จะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้
ช่องทางและเอกสารที่ต้องใช้ในการต่อภาษีรถยนต์
การต่อภาษีรถยนต์ในปัจจุบันสะดวกสบายยิ่งขึ้น มีหลากหลายช่องทางให้เลือกใช้บริการ โดยไม่ต้องไปกรมการขนส่งทางบกเสมอไป และเอกสารที่ใช้ก็ไม่ยุ่งยากนัก โดยหลักๆ จะประกอบด้วย:
- เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ตัวจริง หรือสำเนา (กรณีที่ใช้สำเนาควรตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง)
- หลักฐานการทำ พ.ร.บ. ซึ่งเป็นเอกสารประกันภัยภาคบังคับที่ยังไม่หมดอายุ
ช่องทางการต่อภาษี
การต่อภาษีรถยนต์สามารถเลือกดำเนินการได้อย่างหลากหลายช่องทาง
- กรมการขนส่งทางบก สามารถไปดำเนินการได้โดยตรงที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ
- บริการออนไลน์ ปัจจุบันสามารถต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก หรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว
- เคาน์เตอร์เซอร์วิส เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ หรือร้านสะดวกซื้อที่มีบริการรับชำระค่าภาษีรถยนต์
- ธนาคารพาณิชย์ บางธนาคารมีบริการรับชำระค่าภาษีรถยนต์เช่นกัน
สรุปบทความทะเบียนรถยนต์ขาดต่อภาษี
สุดท้ายนี้ หลายคนคงได้คำตอบกันอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับเรื่องราวของทะเบียนรถยนต์ขาดต่อภาษีกันแล้ว ซึ่งการชำระค่าภาษีเป็นประจำทุกปีเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเองให้ได้มากที่สุด และที่สำคัญอย่างลืมทำประกันรถยนต์เอาไว้เพื่อคุ้มครองและเพิ่มความปลอดภัยตลอดการขับขี่