เบี้ยดีโดนใจ ประกันภัยชั้น 1 เบี้ยเริ่ม 750 บาท/เดือน พิเศษรับส่วนลดสูงสุด 30% เช็กเบี้ยที่นี่ กับ SILKSPAN

Segment รถยนต์คืออะไร? แต่ละ Segment แตกต่างกันยังไง?


Segment รถยนต์คืออะไร

Segment รถยนต์ คือเกณฑ์การแบ่งประเภทรถยนต์ตามหลักสากล ตั้งแต่รถ A Segment ไปจนถึงกลุ่ม Luxury โดยแบ่งตามขนาดตัวถังและเครื่องยนต์ บทความนี้จะอธิบายลักษณะของแต่ละ Segment รถยนต์ให้เห็นภาพรวมตลาดรถยนต์อย่างชัดเจน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น


Key takeaways

  • มาตรฐานกลางในการเปรียบเทียบ : Segment รถยนต์ช่วยให้ผู้ซื้อเปรียบเทียบสมรรถนะ ราคา และความคุ้มค่าของรถรุ่นต่างๆ ได้อย่างยุติธรรม ไม่สับสนระหว่างรถต่างขนาด
  • เกณฑ์การแบ่งที่หลากหลาย : แม้ระบบ Segment รถยนต์ จะเป็นที่นิยมที่สุด แต่ยังมีการแบ่งตามความหรูหรา และลักษณะการใช้งาน เพื่อให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
  • มีผลต่อค่าใช้จ่ายระยะยาว : ยิ่งขยับ Segment รถยนต์สูงขึ้น (จาก A ไป D หรือ Luxury) นอกจากราคารถจะสูงขึ้นแล้ว ค่าบำรุงรักษาและเบี้ยประกันภัยก็จะสูงตามไปด้วย
  • ช่วยกรองตัวเลือกที่ใช่ : การเข้าใจ Segment รถยนต์ช่วยตัดตัวเลือกที่ไม่จำเป็นออก ทำให้ผู้ซื้อโฟกัสเฉพาะกลุ่มรถที่ตรงกับงบประมาณและการใช้งานจริง ประหยัดเวลาในการตัดสินใจ

ทำไมถึงมีการแบ่ง Segment รถยนต์ ?

การแบ่ง Segment รถยนต์นั้น มีรากฐานมาจากยุโรป โดยเกิดจาก 3 ปัจจัยหลักผสมกันคือ กฎหมายและการเก็บภาษี, การตลาด และมาตรฐานอุตสาหกรรม ดังนี้

  1. กฎหมายและภาษี : ภาครัฐใช้เกณฑ์ขนาดเครื่องยนต์และมลพิษกำหนดอัตราภาษี ผู้ผลิตจึงต้องออกแบบรถให้สอดคล้องเพื่อประโยชน์ด้านต้นทุนและราคาขาย
  2. การตลาด : เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมาย และคู่แข่งที่ชัดเจน ช่วยให้ค่ายรถวางตำแหน่งสินค้าและตั้งราคาแข่งขันได้ถูกคู่
  3. มาตรฐานอุตสาหกรรม : เพื่อสร้างภาษากลาง ให้ทั่วโลกเข้าใจตรงกัน ทั้งในการวิเคราะห์ข้อมูลและการพัฒนาสินค้า

การแบ่ง Segment รถยนต์คือกลไกเชื่อมโยงข้อกำหนดทางกฎหมายและกลยุทธ์ธุรกิจเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้ผลิตแข่งขันบนมาตรฐานเดียวกัน และช่วยให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบเลือกรถยนต์ได้ง่ายที่สุดครับ


ประเภทต่าง ๆ ของ Segment รถยนต์

การแบ่งประเภทรถยนต์นั้น สามารถจำแนกออกได้เป็น 4 เกณฑ์หลัก เพื่อให้ครอบคลุมทั้งขนาด ภาพลักษณ์ และรูปแบบการใช้งาน โดยแต่ละเกณฑ์ สามารถแบ่ง Segment รถยนต์แยกย่อยได้ ดังนี้

  1. การแบ่งตามขนาดและมาตรฐานยุโรป   (Euro Car Segment) : เป็นมาตรฐานสากลที่พัฒนาโดยคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) โดยมีการแบ่งตามขนาด ไล่เรียงจากเล็กไปใหญ่ ตั้งแต่ รถ A Segment, รถ B Segment ไปจนถึงรถ E Segment
  2. การแบ่งตามความหรูหรา (Luxury & Executive) : เน้นภาพลักษณ์และวัสดุเกรดพรีเมียม แบ่งได้ 3 ระดับหลักคือ Entry-Level, Mid-Size และ Full-Size Luxury Car
  3. การแบ่งตามสมรรถนะ (Performance Cars): เน้นความเร็วและความเร้าใจในการขับขี่ เช่น Sports Car, Super Car และ Hypercar เป็นต้น
  4. การแบ่งตามรูปแบบตัวถัง (Utility & Body Type): เน้นฟังก์ชันการใช้งานเฉพาะทาง เช่น รถกระบะ (Pickup), รถอเนกประสงค์ (SUV/PPV) และรถครอบครัว (MPV)

การแบ่งตามขนาดและมาตรฐานยุโรป (Euro Car Segment)แบ่งตามขนาดและมาตรฐานยุโรป

รถ A segment 

รถ A segment คือรถยนต์นั่งที่มีขนาดเล็กที่สุดในตลาด หรือที่เรียกกันว่า City Car ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองโดยเฉพาะ เน้นความกะทัดรัดเพื่อให้ขับขี่ง่ายที่สุด 

  • ขนาดเครื่องยนต์: 600 – 1,000 cc
  • จุดเด่น: มีความคล่องตัว หาที่จอดง่าย วงเลี้ยวแคบ ประหยัดน้ำมัน และมีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า Segment รถยนต์ประเภทอื่น
  • ข้อจำกัด: รถมีขนาดเล็ก มีพื้นที่จำกัด ไม่เหมาะกับการขนของเยอะๆ ไม่เหมาะกับการขับทางไกล
  • เหมาะสำหรับ: นักเรียน/นักศึกษา หรือ First Jobber ที่เน้นขับในเมืองเป็นหลัก หาที่จอดง่าย และใช้งานระยะสั้นๆ
  • ตัวอย่าง: Suzuki Celerio, Mitsubishi Mirage, Wuling Air EV, Changan Lumin, Volt City EV
  • ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 300,000 บาท

รถ B segment 

รถ B segment คือกลุ่มรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย เพราะเป็นจุดกึ่งกลางที่ลงตัวระหว่างราคา ขนาด และสมรรถนะ 

  • ขนาดเครื่องยนต์: 1,000 – 1,500 cc
  • จุดเด่น: มีความคุ้มค่าสูง ได้ฟังก์ชันครบครันในราคาที่จับต้องได้ อะไหล่หาง่าย ประหยัดน้ำมัน ช่วงล่างเกาะถนนได้ดี สามารถขับออกต่างจังหวัดได้อย่างมั่นใจ
  • ข้อจำกัด: หากผู้ใหญ่นั่ง 3 คนด้านหลังอาจจะอึดอัด เพราะความกว้างยังจำกัด วัสดุภายในส่วนใหญ่ยังเน้นพลาสติกแข็งเพื่อคุมต้นทุน และการเก็บเสียงอาจยังไม่เงียบกริบเมื่อใช้ความเร็วสูง
  • เหมาะสำหรับ: คนวัยทำงาน หรือครอบครัวขนาดเล็กที่ต้องการรถคันเดียวจบ ใช้งานอเนกประสงค์ ขับไปทำงานทุกวันและออกต่างจังหวัดได้
  • ตัวอย่าง: Toyota Yaris Ativ, Honda City, Nissan Almera, Mazda 2, BYD Dolphin, Neta V-II
  • ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 500,000 บาท

รถ C segment 

รถ C segment คือกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง ถือเป็นมาตรฐานยอดนิยมทั่วโลก 

  • ขนาดเครื่องยนต์: 1,500 – 2,000 cc
  • จุดเด่น: เป็นรถที่ขับขี่ดีที่สุด ในกลุ่มรถตลาดทั่วไป เครื่องยนต์แรงเร่งแซงขาด ช่วงล่างนุ่มนวลและเกาะถนนดีเยี่ยม เก็บเสียงเงียบ นั่งสบายทั้งคนขับและผู้โดยสาร และมักติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) มาให้ครบ
  • ข้อจำกัด: ค่าบำรุงรักษาและอะไหล่แพงขึ้นตามราคารถ และขนาดตัวถังที่ยาวขึ้นอาจหาที่จอดในซอยแคบๆ ยากกว่ารถเล็กเล็กน้อย
  • เหมาะสำหรับ: ครอบครัวขนาดกลาง หรือคนรักการขับขี่หรือต้องเดินทางไกลข้ามจังหวัดบ่อยๆ ที่ต้องการช่วงล่างมั่นคง เร่งแซงมั่นใจ และความปลอดภัยสูง
  • ตัวอย่าง: Honda Civic, Toyota Corolla Altis, Mazda 3, MG4 Electric, MG ES 
  • ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 900,000 – 1,000,000 บาท

รถ D segment 

รถ D segment คือกลุ่มรถยนต์นั่งที่มีขนาดใหญ่ หรือที่คนไทยมักเรียกติดปากว่ารถผู้บริหาร (Executive Car) Segment รถยนต์นี้เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความภูมิฐาน โดยเน้นความหรูหราและความสะดวกสบายสูงสุดก่อนที่จะขยับราคาขึ้นไปเล่นแบรนด์ยุโรป

  • ขนาดเครื่องยนต์: 2,000 – 2,500 cc
  • จุดเด่น: ให้ความนุ่มนวลและเงียบกริบที่สุดในการเดินทาง วัสดุภายในเกรดพรีเมียม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีภาพลักษณ์ทางสังคมที่ดี ขับไปเจรจาธุรกิจดูน่าเชื่อถือ
  • ข้อจำกัด: ขนาดตัวรถที่ใหญ่และยาวทำให้หาที่จอดลำบากในเมืองหรือตึกเก่าๆ ราคาและค่าบำรุงรักษาสูงกว่ารถเล็กชัดเจน 
  • เหมาะสำหรับ: ผู้บริหารหรือครอบครัวรักความสบาย ที่เน้นความนุ่มนวล ห้องโดยสารกว้างขวาง และภาพลักษณ์ที่ดูภูมิฐาน
  • ตัวอย่าง: Toyota Camry, Honda Accord, BYD Seal, Tesla Model 3, Deepal L07, ORA 07
  • ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 1,300,000 – 1,400,000 บาท

รถ E segment 

รถ e segment คือรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ระดับผู้บริหาร (Executive Car) ที่วางตำแหน่งทางการตลาดไว้สูงกว่า รถ D segment โดยเน้นความหรูหรา ความสะดวกสบาย และภาพลักษณ์ทางสังคมเป็นหัวใจสำคัญ ในปัจจุบัน Segment รถยนต์นี้กลายเป็นพื้นที่ของรถหรูอย่างเต็มตัว เพราะผู้ซื้อในระดับราคานี้มักต้องการตราสินค้า ที่สะท้อนสถานะทางสังคม

  • ขนาดเครื่องยนต์: 2,000 cc
  • จุดเด่น: เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จที่ชัดเจนที่สุด ได้รับการยอมรับในสังคม ช่วงล่างนุ่มนวลแต่เกาะถนนแน่นหนึบ และการเก็บเสียงเงียบสนิทเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก
  • ข้อจำกัด: ราคาจำหน่ายเริ่มต้นสูงมาก (กระโดดจาก รถ D segment ไปเท่าตัว) ค่าบำรุงรักษาและอะไหล่แพงตามราคารถ และราคาขายต่อมักลดลงฮวบฮาบเมื่อหมดระยะประกัน
  • เหมาะสำหรับ: เจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารระดับสูง ที่ต้องการที่สุดของเทคโนโลยี ความหรูหรา และสมรรถนะเพื่อบ่งบอกสถานะทางสังคม
  • ตัวอย่าง: Mercedes-Benz E-Class, BMW 5 Series, Volvo S90, Audi A6
  • ช่วงราคา: เริ่มต้นประมาณ 3,000,000 – 3,500,000 บาท

การแบ่งตามเกณฑ์ประเภทอื่น ๆแบ่งตามเกณฑ์ประเภทอื่นๆ

นอกจากการแบ่งประเภท Segment รถยนต์ตามขนาดตัวถังแล้ว เรายังสามารถจำแนกรถยนต์ได้จากภาพลักษณ์ สมรรถนะ และลักษณะการใช้งานเฉพาะทาง ดังนี้

การแบ่งตามความหรูหราและภาพลักษณ์ (Luxury & Executive)

กลุ่มนี้จะวัดกันที่แบรนด์ และราคาเป็นหลัก เน้นวัสดุพรีเมียมและภาพลักษณ์ทางสังคม

  • Entry-level Luxury / Compact Executive Car: รถหรูรุ่นเริ่มต้น ขนาดตัวถังเทียบเท่ารถ C Segment เป็นใบเบิกทางสู่แบรนด์พรีเมียม
  • Mid-Size Luxury Car: รถหรูขนาดกลาง เป็นรถประจำตำแหน่งยอดนิยมของผู้บริหาร นั่งสบายและภูมิฐาน
  • Full-Size Luxury Car: ที่สุดของความหรูหรา คันใหญ่และยาวที่สุด เน้นความสะดวกสบายของผู้โดยสารตอนหลัง มักใช้เป็นรถประธานบริษัท

การแบ่งตามสมรรถนะ (Performance Cars)

กลุ่มนี้ไม่ได้เน้นความสบาย แต่เน้นความเร็ว แรงม้า และวิศวกรรมการขับขี่

  • Sports Car: รถเน้นความสนุกในการขับขี่ รูปทรงโฉบเฉี่ยว มักมี 2 ประตู
  • Grand Tourer (GT): รถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่ยังมีความนุ่มนวล สามารถขับทางไกลข้ามเมืองได้สบายโดยไม่เหนื่อย
  • Super Car: รถสมรรถนะสูงระดับสนามแข่ง เครื่องยนต์วางกลาง วัสดุพิเศษ ราคาหลักสิบล้าน 
  • Hypercar: เหนือกว่า Super car ในทุกด้าน ผลิตจำนวนจำกัด เทคโนโลยีล้ำยุค ราคาหลักร้อยล้าน

การแบ่งตามรูปแบบตัวถังและการใช้งาน (Utility & Body Type)

กลุ่มนี้แบ่งตามลักษณะทางกายภาพเพื่อตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะด้าน

  • รถกระบะ (Pick up): เน้นการบรรทุกของ มีกระบะเปิดด้านหลัง แข็งแกร่งทนทาน
  • รถ SUV: รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ตัวถังยกสูง ลุยได้ระดับหนึ่ง พื้นที่ใช้สอยมาก
  • รถ B-SUV หรือ Crossover Utility Vehicle (CUV): รถยกสูงขนาดเล็ก สร้างบนพื้นฐานรถเก๋ง ขับง่าย นุ่มนวล เหมาะกับคนในเมือง
  • รถ MPV: รถเน้นขนคนโดยเฉพาะ รูปทรงคล้ายตู้ หลังคาสูง มีเบาะ 3-4 แถว
  • รถ PPV: รถ SUV พื้นฐานกระบะ ช่วงล่างแข็งแกร่ง ลุยหนักได้ดี เป็นประเภทรถยอดนิยมเฉพาะในไทยและอาเซียน

ประโยชน์ของการแบ่ง Segment รถยนต์

การแบ่ง Segment รถยนต์มีความสำคัญต่อระบบนิเวศยานยนต์ทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยมีประโยชน์หลักดังนี้

  1. ประโยชน์ต่อผู้บริโภค (For Consumers)
  • เปรียบเทียบได้แม่นยำ: ช่วยให้ผู้ซื้อนำรถในพิกัดเดียวกันมาเทียบสเปกและราคาได้อย่างยุติธรรม ทำให้เห็นจุดเด่น-ข้อจำกัดที่แท้จริงโดยไม่สับสนกับรถต่างขนาด
  • ประเมินความคุ้มค่าได้ง่าย: ช่วยคัดกรองตัวเลือกที่ตรงกับโจทย์การใช้งาน และทำให้รู้ว่าราคาระดับนี้สมเหตุสมผลหรือไม่เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด
  1. ประโยชน์ต่อผู้ผลิต (For Manufacturers)
  • การวางตำแหน่งสินค้า: ช่วยให้ค่ายรถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คู่แข่ง และตั้งราคาขายได้ถูกต้อง ไม่สูงหรือต่ำจนเสียภาพลักษณ์
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์: ใช้เป็นเกณฑ์ให้วิศวกรออกแบบรถให้มีสมรรถนะและออปชันตรงตามมาตรฐานที่ลูกค้าในกลุ่มนั้นๆ คาดหวัง

การแบ่ง Segment รถยนต์คือการสร้างมาตรฐานกลาง ที่ช่วยลดความสับสน ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเข้าใจตรงกัน ส่งผลให้การซื้อขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การใช้งานจริงครับ


Segment รถยนต์แต่ละประเภท ส่งผลยังไงต่อราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์

Segment รถยนต์มีผลโดยตรงต่อราคาเบี้ยประกัน เนื่องจากเป็นตัวบ่งชี้ถึงมูลค่าของรถ และต้นทุนค่าอะไหล่ในการซ่อมแซม ซึ่งปกติแล้ว Segment รถยนต์ขนาดใหญ่หรือกลุ่มรถหรูย่อมมีเบี้ยที่สูงกว่ารถเล็กอย่างรถ A segment หรือ รถ B segment ครับ

อย่างไรก็ตาม Segment รถยนต์เป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยตั้งต้นเท่านั้น เพราะเบี้ยประกันภัยรถยนต์ยังถูกคำนวณร่วมกับปัจจัยอื่นๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงด้วย เช่นลักษณะการใช้งาน, อายุของผู้ขับขี่, อายุของตัวรถ, พื้นที่ที่อยู่อาศัย, และประวัติการเคลม ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกนำมาพิจารณารวมกันเพื่อกำหนดราคาเบี้ยสุดท้ายที่ต้องจ่ายครับ


 

ลูกค้าธนชาต ทำประกันรถ1 และ2+ รับฟรี voucher lotus ที่ SILKSPAN


สรุป

โดยสรุปแล้ว การเข้าใจเรื่อง Segment รถยนต์จะช่วยให้การเลือกซื้อรถนั้นง่าย และแม่นยำมากขึ้น เพราะการจัดหมวดหมู่ที่เป็นมาตรฐานนี้ เปรียบเสมือนตัวช่วยคัดกรองรถนับร้อยรุ่นในตลาด ให้เหลือเฉพาะกลุ่มที่ตรงกับโจทย์การใช้งานและงบประมาณจริงๆ ทำให้สามารถเปรียบเทียบความคุ้มค่าได้ถูกคู่ ไม่ต้องเสียเวลาลังเลกับตัวเลือกที่ไม่ใช่ ช่วยให้ตัดสินใจได้มั่นใจยิ่งขึ้น

และเมื่อเลือกรถยนต์ใน Segment รถยนต์ที่ตอบโจทย์ได้แล้ว การเลือกความคุ้มครองก็ควรเป็นเรื่องง่ายเช่นกันที่ SILKSPAN เราพร้อมช่วยให้คุณเปรียบเทียบ ประกันภัยรถยนต์ จากบริษัทชั้นนำได้ทันทีเหมือนเลือกช้อปรถ เช็กเบี้ยได้ฟรี มีให้เลือกครบทั้งประกันชั้น 1 และอื่นๆ ตามงบประมาณ พร้อมผู้เชี่ยวชาญที่คอยแนะนำ เพื่อให้คุณได้ประกันที่ตรงใจและคุ้มค่าที่สุดในที่เดียวครับ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


เขียนโดย : Sittichok b.
เผยแพร่วันที่ : 19/12/2025
รับข้อเสนอพิเศษ

จองสิทธิ์ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ รับส่วนลดสูงสุด 30% กว่า 20 บริษัทชั้นนำ

  1. ต่ออายุล่วงหน้า รับส่วนลดเพิ่ม สูงสุดกว่า 500 บาท
  2. ผ่อนบัตรเครดิต ผ่อนเงินสด ได้สูงสุด 10 เดือน
  3. ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
  4. ฟรีรถใช้ระหว่างซ่อม หรือ เบิกค่าเดินทาง 1,000 บาท

กรอกข้อมูล เพื่อ “รับข้อเสนอพิเศษ” ต่อประกันรถยนต์

taff-call
“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”
line

กำลังโหลด