ก่อนรับรถต้องเช็กอะไรบ้าง? ออกรถใหม่ทั้งทีต้องเช็กให้ชัวร์
การออก “รถยนต์” หนึ่งในความฝันของใครหลายคน! เพราะหลังจากก่อร่างสร้างตัวมาสักพัก หลาย ๆ คนก็อยากที่จะออกรถใหม่เพื่อเป็นของขวัญให้กับตัวเอง เพราะการมีรถสักคันสามารถช่วยให้การเดินทางมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเคยมีรถยนต์เป็นครั้งแรก จำเป็นจะต้องรู้วิธีตรวจเช็กสภาพรถก่อนรับออกมาใช้งานบนท้องถนน เพราะถ้าคุณไม่ตรวจสอบให้ดี ฝันดีอาจกลายเป็นฝันร้าย หากมารู้ทีหลังว่ารถยนต์ที่เพิ่งซื้อมามีปัญหาก็อาจสายเกินแก้ก็เป็นได้
ก่อนรับรถต้องเช็กอะไรบ้าง? ก่อนที่จะรับรถใหม่ออกมาขับ จะต้องแบ่งการตรวจเช็กออกเป็น 3 ส่วน คือ การตรวจเช็กภายนอก การตรวจเช็กระบบภายใน และการตรวจเช็กเอกสาร ดังนี้
1. ตรวจสอบภายนอกทุกส่วน
สิ่งแรกที่ต้องทำการตรวจสอบให้ละเอียดคือสภาพภายนอกหรือรอบตัวรถ โดยสามารถตรวจสอบจุดต่าง ๆ ได้ตามนี้
ตัวถัง
สิ่งสำคัญสิ่งแรกที่ต้องตรวจสอบคือตัวถัง โดยให้สังเกตอย่างละเอียดว่ามีรอยขีดข่วนหรือรอยยุบตรงไหนหรือไม่ และต้องดูแนวสันข้างให้อยู่ในแนวตรงด้วย รวมถึงต้องเช็กฝากระโปรงรถว่าสามารถปิดได้เรียบสนิทด้วยหรือไม่
ประตู
เช็กขอบยางประตูว่าติดแน่นดีไหม รวมถึงต้องตรวจเช็กความฝืดของประตู และรอยสนิมของขอบประตูด้วย
กระจก
กระจกข้างต้องสามารถพับเก็บและปรับระดับได้ตามปกติ ส่วนกระจกมองหลังต้องไม่มีรอยแตกร้าว ที่สำคัญทั้งกระจกข้างและกระจกมองหลังต้องมีขอบยางที่ติดแน่นไปกับกระจก อีกทั้งกระจกด้านที่นั่งทุกบานจะต้องสามารถเปิดปิดขึ้นลงได้สุดโดยไม่สะดุด
ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว
โคมไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยว จะต้องไม่เหลืองหรือมีริ้วรอยใด ๆ และต้องสามารถใช้งานได้ดีตามปกติ
เบาะนั่ง
เบาะนั่งทุกจุดจะต้องไม่มีร่องรอยการขีดข่วน และจะต้องสามารถปรับระดับได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด
เบรกมือ
เบรกมือและไฟเบรกต้องสัมพันธ์กัน โดยให้ลองยกเบรกมือขึ้นแล้วดูว่าไฟเบรกที่หน้าปัดรถติดหรือไม่
ล้อรถ
ตรวจสอบยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพใหม่ ไม่มีรอยแตก และเช็กปีผลิตไม่ให้เก่าเกินไป อีกทั้งต้องตรวจสอบล้อแม็กว่าไม่มีรอยบิ่นใด ๆ เกิดขึ้นด้วย
ที่ปัดน้ำฝน
อีกหนึ่งสิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามคือความพร้อมใช้งานของที่ปัดน้ำฝน โดยยางปัดน้ำฝนจะต้องไม่แข็งเกินไปและมีสภาพพร้อมใช้งาน
2. ตรวจสอบระบบภายในอย่างละเอียด
สิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้ในการตรวจสอบรถคันใหม่ คือ ระบบภายใน โดยระบบทุกอย่างต้องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบสตาร์ต
ระบบสตาร์ตต้องสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล หลังสตาร์ตลองเหยียบคันเร่งเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์ต้องเดินได้ไม่สะดุด สามารถเข้าเกียร์ได้ครบ และไม่มีเสียงดังเมื่อเปลี่ยนหรือเข้าเกียร์ใด ๆ
ระบบล็อกอัตโนมัติ
ระบบล็อกต้องทำงานได้อย่างดี โดยให้ลองล็อกและปลดล็อกรถ เพื่อดูว่าประตูทุกบานสามารถล็อกและปลดล็อกได้ตามปกติหรือไม่
ระบบเครื่องเสียง
สามารถทดลองเชื่อมต่อกับมือถือแล้วเปิดเพลง เพื่อเช็กว่าระบบเชื่อมต่อทำงานได้ดีและลำโพงดังครบทุกจุด รวมถึงต้องตรวจสอบปุ่มควบคุมเครื่องเสียงให้ครบถ้วนด้วย
พวงมาลัย
พวงมาลัยจะต้องไม่ฝืดเคืองและไม่มีเสียงดังเวลาหมุนเลี้ยว
ระบบปรับอากาศ
อีกหนึ่งระบบที่ต้องตรวจสอบคือระบบปรับอากาศ เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ดังนั้นต้องเช็กให้แน่ใจว่าลมแอร์เย็นสบายและไม่มีเสียงดังจากช่องแอร์
3. ตรวจสอบเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญนอกเหนือจากการตรวจสอบตัวรถคือการตรวจสอบเอกสารสำคัญ โดยการซื้อรถใหม่จะต้องมีเอกสารครบถ้วนและสมบูรณ์ ดังนี้
- เล่มสมุดทะเบียน โดยเลขของตัวถังรถจะต้องตรงกับเลขที่ระบุเอาไว้ภายในเล่มทะเบียน
- เอกสารใบโอนรถ โดยในเอกสารการโอนรถจะต้องมีเอกสารการประกันภัยและ พ.ร.บ. รถยนต์อยู่ด้วย
- ใบเสร็จรับเงินค่าดาวน์รถ
- ใบเสร็จค่ามัดจำป้ายแดง
- ตรา ขส. (ขนส่ง) ของป้ายแดง เพื่อเป็นการเช็กว่าป้ายแดงที่ได้เป็นของจริงหรือไม่
- สมุดคู่มือรถ
- เอกสารรับประกันอุปกรณ์ภายในรถและเอกสารการรับประกันการเช็กระยะฟรี
- เอกสารการรับประกันอุปกรณ์ตกแต่ง (หากมีการแถมชุดแต่งรถให้ด้วย)
หากคุณสามารถทำการตรวจสอบองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างละเอียดและครบถ้วน คุณก็สามารถออกรถใหม่มาขับขี่ได้อย่างสบายใจและไร้กังวลแล้ว
อย่างไรก็ตามคุณควรจะมองหาประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเพื่อเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนอีกทางหนึ่งด้วย โดยหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ประกันจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือและแบ่งเบาค่าซ่อมรถของทั้งคุณและคู่กรณีได้ อีกทั้งยังมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้ด้วย ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างดี
สำหรับใครที่วางแผนซื้อรถใหม่หรือกำลังมองหาประกันรถยนต์ดี ๆ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้บริการของบริษัทประกันใด SILKSPAN ได้คัดสรรบริษัทประกันภัยชั้นนำมากกว่า 20 บริษัทมาไว้ให้คุณเลือก โดยคุณสามารถเช็กเบี้ยประกันที่เหมาะสมและตอบโจทย์ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองเพียงปลายนิ้ว ที่สำคัญเรามีบริการเสริมให้ฟรี! ทั้งบริการมีรถให้ใช้ระหว่างการซ่อมแซม และมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง