รู้จักกับ “ยามอุบากอง” วิธีดูฤกษ์ยามที่ถ่ายทอดมาหลายชั่วอายุคน
คุณมีความเชื่อหรือไม่ ? ว่าถ้าออกจากบ้านในวันที่ฤกษ์งามยามดี จะทำให้ทุกสิ่งในวันนั้น ๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หากวันไหนเป็นฤกษ์ที่ไม่ดี ทำอะไรก็ผิดหวังไปเสียหมด หากคำตอบของคุณคือ “เชื่อ” คุณอาจต้องลองศึกษากับศาสตร์ของยามอุบากองดูเสียหน่อย ว่ากันว่าศาสตร์นี้เป็นศาสตร์โบราณ มีเอาไว้สำหรับการทำนายทายทักเกี่ยวกับฤกษ์ยามต่าง ๆ ช่วงเวลาไหนดี ช่วงเวลาไหนไม่ดี สามารถใช้ศาสตร์นี้ทำนายเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุด ของการดำเนินการสิ่งใดก็ตาม ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอุบัติเหตุอันตรายเกิดเข้ามาระราน
ยามอุบากองคืออะไร มีประวัติศาสตร์อย่างไรบ้าง ?
“ยามอุบากอง” คือหนึ่งในศาสตร์การทำนาย ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีบันทึกเอาไว้ในพงศาวดารในสมัยรัชกาลที่ 1 ว่า ในระหว่างการรบกับพม่า ได้จับเอาเชลยศึกจากพม่ามาหนึ่งคน มียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงนายทัพ มีนามว่า “อุบากอง” หลังจากถูกจับมาเป็นเชลย ก็ถูกนำไปกักขังเอาไว้ในคุก ระหว่างการติดคุกนั้น อุบากองก็ได้เผยแพร่ไสยศาสตร์เกี่ยวกับการทำนายฤกษ์ยาม ให้กับเหล่านักโทษรวมไปถึงผู้คุมชาวไทย
จนสุดท้ายแล้วก็มีการแหกคุกเกิดขึ้น ซึ่งมีการบอกเล่าจากนักโทษชาวไทยที่ไม่ได้หนีไปด้วยว่า อุบากองเป็นหัวโจกในการกระทำครั้งนี้ โดยเขานั้นได้รับหน้าที่ดูฤกษ์ยามในช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การแหกคุก แล้วสุดท้ายแล้วเขาและพวกพ้องก็ทำมันได้สำเร็จ หลังจากเหตุการณ์นั้นทั้งนักโทษ และผู้คุมที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากอุบากอง ก็ได้นำศาสตร์ที่เขาเรียนรู้จากนายทัพพม่าผู้นี้มาเผยแพร่ พร้อมตั้งชื่อตามต้นกำเนิดของศาสตร์ว่า “ยามอุบากอง” นั่นเอง
ความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ บนยันต์ยามอุบากอง
สำหรับวิธีดูยามอุบากองนั้น ก็จะเป็นการดูประกอบกับยันต์ โดยในยันต์จะมีการแบ่งช่องออกเป็น วัน เวลา พร้อมด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในส่วนของสัญลักษณ์นั้นจะมีเป็นจุดดำ ๆ ซึ่งจะเรียกว่า “ศูนย์” และ กากบาท ในส่วนของการคำนวณก็ทำได้ง่าย ๆ สามารถจำวิธีการดูเป็นกลอนได้ดังนี้
“ ศูนย์หนึ่งอย่าพึ่งจร แม้ราญรอนจะอัปรา
สองศูนย์เร่งยาตรา จะมีลาภสวัสดี
ปลอดศูนย์พูลสวัสดิ์ ภัยพิบัติลาภบ่มี
กากบาทตัวอัปรีย์ แม้จรลีจะอัปรา
สี่ศูนย์จะพูนผล แม้จรดลดีหนักหนา
มีลาภล้นคณนา เร่งยาตราจะมีชัย”
จากกลอนในข้างต้น สามารถอธิบายสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ว่า
– ศูนย์ 1 ตัว ควรหลีกเลี่ยงจากการเดินทางในช่วงเวลานี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ อาจทำให้คุณต้องพบเจอกับอันตรายร้ายแรงหากออกเดินทาง
– ศูนย์ 2 ตัว เป็นฤกษ์อันดี ควรรีบออกเดินทางในช่วงเวลานั้นมีเร็วที่สุด เพราะจะส่งผลดีต่อสิ่งที่มุ่งหมายว่าจะทำ พร้อมได้รับโชคลาภอันดีกลับมาอีกด้วย
– ศูนย์ 4 ตัว เป็นฤกษ์อันเป็นมงคล ทำอะไรก็ส่งผลดีกับตัวเอง เป็นฤกษ์มงคลที่ควรทำงานมงคล เช่นการเดินทางไปคุยงาน การเดินทางไปออกรถ เป็นต้น
– ไม่มีเลขศูนย์เลย เป็นฤกษ์ที่ค่อนข้างมงคล แต่อาจไม่มงคลเท่ามีศูนย์ 1 ตัวหรือ 4 ตัว สิ่งที่คุณจะได้รับหากเดินทางในช่วงนี้คือความราบรื่น แต่ไม่มีอะไรพิเศษมากไปกว่านั้น
– กากบาท เป็นฤกษ์อัปมงคล ไม่ควรเดินทาง หรือกระทำการสำคัญใด ๆ ในช่วงเวลานี้ เพราะหากทำแล้วจะพบแต่ความผิดหวัง รวมไปถึงอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้
ยกตัวอย่างกรณีที่ควรดูยามอุบากอง ก่อนเริ่มต้นทำกิจกรรมสำคัญ
หลังจากที่คุณได้รู้วิธีดูยามอุบากองกันไปแล้ว ต่อมาเรามาดูกันดีกว่า ว่ามีกิจกรรมไหนบ้างที่คุณควรเช็คฤกษ์ยามด้วยยันต์อุบากอง ก่อนออกจากบ้านไปดำเนินกิจกรรมนั้น ๆ โดยเราขอยกตัวอย่างมากสัก 3 กิจกรรม ดังเนื้อหาต่อจากนี้
1.การเดินทางไกล
หากจำเป็นที่จะต้องเดินทางไกลในวันรุ่งขึ้น ควรเช็คยามอุบากองของวันพรุ่งนี้เอาไว้เสียก่อน เพื่อจะได้กำหนดช่วงเวลาการเดินทางที่ดีที่สุด มีความเชื่อว่าหากเลือกช่วงเวลาการเดินทางที่เป็นมงคล ก็จะทำให้การเดินทางราบรื่น ปลอดภัย ไร้ภัยอันตรายใด ๆ เข้ามาแพร่งพราย
2.การดำเนินธุรกิจสำคัญ
ทางด้านธุรกิจการตรวจยามอุบากองก็มีส่วนช่วยเช่นเดียวกัน ยิ่งเป็นงานที่จะต้องเดินทางออกไปพบกับลูกค้า การตรวจสอบว่าช่วงเวลาไหนเป็นช่วงมงคล ช่วงเวลาที่มีโอกาสได้ลาภก้อนโต ช่วงนั้นควรเป็นช่วงเวลาที่คุณเดินทางไปเจรจาธุรกิจกับลูกค้า เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยให้การเจรจาสำเร็จลุล่วง สามารถดลใจให้ลูกค้าตกลงในข้อตกลงต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง
3.การออกรถ
การออกรถถือว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในชีวิต เพราะเป็นสินทรัพย์ที่อยู่คู่กับเราไปตลอด ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนรถก็มักจะอยู่กับเราเสมอ ดังนั้นความสำคัญของการตรวจยามอุบากองก่อนออกรถก็คือ “การทำให้รถเป็นสิ่งมงคล” ขับขี่แล้วปลอดภัย ขับขี่แล้วเจริญรุ่งเรือง มีแต่ความราบรื่นเข้ามาในชีวิต
สรุปได้ง่ายๆว่า
แม้ว่าความเชื่อเกี่ยวกับยามอุบากอง จะเป็นศาสตร์ที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ เป็นสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจให้มีความสงบร่มเย็น ก่อนดำเนินกิจกรรมสำคัญอันใดก็ตาม แต่หากให้เราแนะแล้วล่ะก็ การเดินทางจะปลอดภัยมากขึ้น หากคุณนั้นมี “ประกันภัยรถยนต์” ดี ๆ สักเล่ม เนื่องจากในกรณีที่คุณเกิดเหตุไม่คาดฝัน แม้จะเป็นเพียงการเฉี่ยวชนเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงอุบัติเหตุใหญ่ ก็จะได้รับการคุ้มครองเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชย ค่าซ่อมรถ รวมไปถึงการดูแลครอบคลุมไปจนถึงคู่กรณี หากความเชื่อเรื่องฤกษ์ยามทำให้คุณสบายใจ ประกันภัยรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณสบายใจมากยิ่งขึ้น แม้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นก็ตาม
