การันตีเช็กเบี้ยประกันรถถูกลง 30%

4 อาการรถเสี่ยงยางแตก และยางระเบิด


4 อาการรถเสี่ยงยางแตก และยางระเบิด

         เมื่อใช้รถยนต์ไปถึงระยะเวลาหนึ่ง ล้อรถยนต์ก็อาจไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเต็ม 100% แถมประกันภัยรถยนต์อาจมีความคุ้มครองที่ไม่ได้ครอบคลุมในบางกรณี ซึ่งอาจมีใครหลายคนที่อาจหลงลืมว่าต้องเปลี่ยนยางตอนไหน หรือใช้งานอย่างไม่ได้มีการตรวจเช็กสภาพ จนอาจทำให้เกิดอาการ “ยางแตก” และ “ยางระเบิด” ซึ่งเป็นอันตรายต่อการขับขี่เป็นอย่างมาก วันนี้ SILKSPAN ขอแนะวิธีการสังเกต 4 อาการบอกเหตุ ที่ถ้าหากเกิดขึ้นเสี่ยงจะเกิดยางแตก มีอะไรบ้างมาดูกัน

         ยางรถยนต์เป็นอะไหล่หลักอย่างหนึ่งของรถยนต์ที่จะขาดไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่หลายคนอาจมองข้ามการตรวจเช็กไป แม้ว่ารถยนต์ของคุณจะทำประกันรถชั้น 1 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับความคุ้มครอง ซึ่งโดยปกติแล้วยางรถยนต์จะมีอายุ 4-6 ปี แต่โดยทางเทคนิคก็มักจะแนะนำให้ทำการเปลี่ยนภายใน 3-5 ปี หรือราวๆ 50,000 กิโลเมตร แต่ก็มีจุดสังเกต และอาการที่เป็นสัญญาณเตือนที่ “รถยางแตก” และ “รถยางระเบิด” ที่ทุกคนสามารถตรวจเช็กได้ด้วยตัวเอง

 

หน้ายางเสื่อมสภาพ มีเสียงดังระหว่างการขับขี่ หรือเลี้ยว

1.หน้ายางเสื่อมสภาพ มีเสียงดังระหว่างการขับขี่ หรือเลี้ยว

         การสังเกตจากการขับขี่ และอาศัยการฟังเสียงนับว่าเป็นการตรวจสอบที่สามารถทำได้เองในเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ขับขี่รถยนต์อยู่เป็นประจำ การที่มีเสียงที่ดังขึ้นในเวลาขับขี่ หรือเวลาเลี้ยวที่โดยปกติอาจไม่มี อาจเป็นสัญญาณที่ยางรถยนต์ของคุณเสื่อมสภาพ หน้ายางอาจมีเนื้อที่แข็งกระด้าง แตกต่างกับยางใหม่ที่หน้ายางจะค่อนข้างนิ่ม สามารถเบรก และเข้าโค้งได้ดี ซึ่งยางที่เสื่อมสภาพอาจทำให้ยางแตกจนเกิดการระเบิด และเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

 

มีความผิดปกติที่อาจพบได้ภายนอก

2.มีความผิดปกติที่อาจพบได้ภายนอก

         การตรวจเช็กสภาพยางเพื่อดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นในบริเวณล้อรถ สามารถทำโดยเบื้องต้นในระหว่างการเติมลมยาง หรือก่อนการออกเดินทางเพื่อความปลอดภัยของการขับขี่ อาการเบื้องต้นที่มักจะพบ เช่น ยางบวม, แก้มยางแตก, มีรอยร้าว และดอกยางหมดสภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ยางแตก และเกิดอุบัติเหตุได้ ร่องรอย และความผิดปกติของยางเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งการขับขี่เป็นเวลานาน หรืออาจขึ้นจากตัวยางเก่าเก็บ และหมดอายุไปแล้ว

 

ประกันรถยนต์ชั้น 1 เริ่มต้นเพียง 750

 

ใช้ความเร็วเกินเกณฑ์

3.ใช้ความเร็วเกินเกณฑ์

         ความเร็วที่ใช้ขับขี่ก็มีผลอย่างมากต่อสภาพของยางรถยนต์เช่นกัน หลายผู้ใช้งานอาจขับขี่เฉพาะในระยะทางที่สั้น ระยะทางจากที่ทำงานไปยังที่พักอาศัย จึงอาจไม่ได้เกิดการระวังที่ดีมากพอเมื่อต้องใช้ความเร็วในระหว่างการเดินทางไกลที่อาจเกิดขึ้นน้อยครั้ง การใช้ความเร็วที่มากเกินกว่าที่ยางรับไว้ก็อาจทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว เกิดการยางแตก และอาจระเบิดในตอนขับขี่ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้เช่นกัน

 

สัญลักษณ์ความเร็วที่เหมาะสมกับล้อแต่ละชนิด

         ผู้ขับขี่สามารถสังเกตความเร็วที่กำหนดของยางแต่ละชนิดได้ที่ตัวอักษรที่ยางรถยนต์ และควรขับขี่ในความเร็วที่ยางรถยนต์แต่ละชนิดสามารถรับได้

 

บรรทุกสิ่งของหนักมากเกินไป

4.บรรทุกสิ่งของหนักมากเกินไป

         รถยนต์โดยทั่วไปสามารถบรรทุกได้กี่กิโลกรัมนั้นสามารถตรวจเช็กได้ง่ายจากสัญลักษณ์ที่ล้อยาง ซึ่งเป็นค่าที่กำหนดไว้ว่ายางรถยนต์ในแต่ละชนิดสามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุดเท่าไหร่ และการที่ยางรถยนต์รับน้ำหนักที่มากเป็นระยะเวลานาน

 

สัญลักษณ์น้ำหนักที่ล้อแต่ละชนิดสามารถรับได้ไหว

         นอกจากจะทำให้เปลืองน้ำมันในการบรรทุกของแล้ว ก็อาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของยางรถยนต์ ทำให้ยางแตก และอาจระเบิดในที่สุด

 

         ยางรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ควรทำการเช็ก และตรวจสอบความพร้อมในการใช้งานอยู่บ่อยๆ ป้องกันการยางแตก และระเบิด ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับผู้ขับขี่ และผู้ร่วมทางอีกด้วย

 


เขียนโดย : CarWheelsEyes
เผยแพร่วันที่ : 26/07/2022
โปรโมชั่นแนะนำ
“เช็กเบี้ยประกันรถ เซฟกว่าเดิม 30%”

กำลังโหลด