เลือก “ผ้าคลุมรถ” อย่างไร ? ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ผ้าคลุมรถนั้นสำคัญไฉน ? กับประเทศไทยที่มีอากาศร้อนอบอ้าว และ แสงแดดที่รุนแรงแทบจะตลอดทั้งปี การจอดรถเอาไว้กลางแจ้ง หรือ บริเวณที่มีแสงแดดตกกระทบโดยตรง เชื่อกันว่าแสงแดดจะทำให้อายุการใช้งานของรถยนต์สั้นลง และยังเชื่อกันว่าสีของรถยนต์จะซีดเร็วอีกด้วย เรื่องเหล่านี้จริงไหม ? ผ้าคลุมรถยนต์นั้นสำคัญจริงหรือไม่ ? ตามหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้
ความสำคัญของการใช้ผ้าคลุมรถยนต์
หากคุณจำเป็นต้องจอดรถในพื้นที่โล่งแจ้งอยู่บ่อย ๆ การใช้ผ้าคลุมรถเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากรถยนต์ที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน ปัญหาที่ต้องเจอก็จะเริ่มจากสีภายนอกของตัวรถ ที่จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็ไม่สวยเงางามเหมือนแต่ก่อน แถมภายในของรถก็จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพตามไป อาทิเช่น เบาะมีรอยปริแตก , คอนโซลแห้งกรอบ , ระบบซีลที่ทำจากยางเสื่อมสภาพ ไปจนถึง แบตเตอรี่เสื่อมที่จะเสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานจริง เป็นต้น
ประเภทของผ้าคลุมรถยนต์
ประโยชน์ของผ้าคลุมรถ ไม่ใช่แค่กันความร้อนจากแสงแดดเท่านั้น เนื่องจากยังช่วยป้องกันไม่ให้รถเสียหาย จากปัจจัยที่คาดไม่ถึงหลาย ๆ อย่างได้อีกด้วย เช่น ความเสียหายจากสัตว์ , ป้องกันมูลนก หรือ ยางไม้ที่หยดใส่ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนทำให้สีของรถเกิดความเสียหายได้ทั้งสิ้น และในช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติเช่นนี้ ผ้าคลุมรถก็ช่วยทำให้รถไม่มีฝุ่นมาเกาะอีกด้วย โดยผ้าคลุมรถในไทยที่พบได้บ่อยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้
-
ผ้าคลุมชั้นเดียว
เหมาะสำหรับการใช้เป็นผ้าคลุมรถเก๋ง ที่จอดเอาไว้ในอาคารที่ค่อนข้างมิดชิด แต่อาจไม่ได้ป้องกันแสงแดดได้ทั้งหมด อาทิเช่น อาคารจอดรถโดยทั่วไป ราคาค่อนข้างถูก มีน้ำหนักเบา อาจไม่เหมาะสำหรับรถที่ต้องจอดกลางแจ้ง เนื่องจากป้องกันรังสี UV ได้น้อย นิยมใช้สำหรับการ “ป้องกันฝุ่น” เสียมากกว่า
-
ผ้าคลุมสองชั้น
เป็นผ้าคลุมรถยนต์ที่มีน้ำหนักพอสมควร มีความแข็งแรงคงทนสูง กันแดด กันน้ำ กันลม ป้องกันรังสี UV ได้ดีมากกว่าผ้าคลุมรถแบบชั้นเดียว เหมาะสำหรับการใช้งานกับรถที่จอดกลางแจ้ง และจอดทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ๆ เนื่องจากน้ำหนักของผ้า ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาและพละกำลัง ในการนำเอาผ้ามาคลุมตัวรถพอสมควร

วัสดุที่ใช้ในการผลิตผ้าคลุมรถยนต์
การเลือกผ้าคลุมรถเก๋งนอกจากจะเลือกแบบ “ผ้าคลุมชั้นเดียว” หรือ “ผ้าคลุมสองชั้น” ยังสามารถเลือกจากวัสดุที่ถูกนำมาใช้ผลิตเป็นผ้าคลุมรถได้อีกด้วย ซึ่งในท้องตลาดก็มีให้เลือกหลายชนิด วัสดุแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น
-
ผ้าโพลีเอสเตอร์
ผ้าโพลีเอสเตอร์ (Polyester) เป็นผ้าคลุมรถกันความร้อนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยโพลีเอสเตอร์เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่มีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี ไม่ดูดซับน้ำ แห้งไว ราคาปานกลาง เหมาะสำหรับการใช้คลุมรถที่ต้องจอดกลางแจ้งเป็นประจำ
-
ผ้าไนลอน
ผ้าไนลอน (Nylon) เหมาะกับการเป็นผ้าคลุมรถเก๋งในโรงจอดรถ เพราะเนื้อผ้าค่อนข้างบางขาดง่าย ไม่สามารถต้านทานความร้อนของแดดเมืองไทยได้สักเท่าไหร่ ควรนำไปใช้สำหรับคลุมรถเพื่อป้องกันฝุ่นมากกว่า ราคาค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับผ้าชนิดอื่น ๆ
-
ผ้าคลุมเคลือบสารป้องกัน UV
เป็นผ้าคลุมรถกันความร้อนที่ใช้วัสดุพิเศษ ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันรังสี UV โดยเฉพาะ ช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนมาทำลายตัวรถ คุณสมบัติของผ้ามีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ราคาก็หลากหลายเช่นเดียวกัน นิยมใช้สำหรับการคลุมรถที่ต้องจอดกลางแดด
-
ผ้าสปันบอนด์
ผ้าสปันบอนด์ (Spunbond) เป็นผ้าคลุมรถยนต์ที่เหมาะสำหรับการใช้ในร่มเท่านั้น ป้องกันแสงแดดได้น้อยมาก ไม่กันน้ำ ความทนทานก็ค่อนข้างต่ำ จุดเด่นคือมีเนื้อผ้าที่นุ่มละมุน ไม่ทำให้รถเกิดรอยขีดข่วน นิยมใช้กับการคลุมรถในอาคารที่แสงแดดไม่ส่องกระทบโดยตรง เช่น โรงรถส่วนบุคคล เป็นต้น
วิธีการเลือกผ้าคลุมรถยนต์ที่เหมาะสม
ในการเลือกซื้อผ้าคลุมรถที่เหมาะสม ให้เปรียบเทียบระหว่าง “คุณสมบัติของผ้า” และ “ลักษณะการใช้งาน” เป็นอันดับแรก เมื่อรู้แล้วว่าควรจะใช้ผ้าชนิดอะไร จากนั้นค่อยมองไปถึงเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากในท้องตลาดมีผ้าคลุมรถให้เลือกหลากหลายเกรด หลากหลายราคา และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมกับตัวรถ เช่น ถ้าใช้เป็นผ้าคลุมรถเก๋งทั่วไป ก็เลือกผ้าแค่ประมาณไซส์ S หรือ M ก็เพียงพอ แต่ถ้าขยับมาเป็นรถกระบะ หรือ รถ SUV ก็อาจจะต้องเพิ่มมาเป็นไซส์ L ไม่ก็ XL เป็นต้น
ข้อควรระวัง และ คำแนะนำในการใช้ผ้าคลุมรถยนต์ที่ควรรู้
- ห้าม ! ใช้ผ้าคลุมรถในขณะที่รถยังร้อนอยู่ ให้จอดจนมั่นใจว่าตัวรถอุณหภูมิลดลงมาแล้ว เพราะอาจทำให้ผ้าเสื่อมสภาพไว และ อาจทำให้เกิดกลิ่นอับจากไอน้ำที่เกิดจากความร้อน
- ไม่ควรใช้ผ้าคลุมรถยนต์ในขณะที่รถยนต์เปียก หรือ ใช้ในวันที่ฝนตกหนัก เพราะอาจทำให้ผ้าอับชื้นจนเกิดกลิ่นอับ ในบางกรณีอาจทำให้เกิดคราบน้ำกับตัวรถได้
- ต้องมั่นใจว่าในขณะที่ใช้ผ้าคลุมรถ ไม่มีสิ่งสกปรกเกาะบนรถ เนื่องจากในขณะที่กำลังคลุมผ้า อาจทำให้เศษสกปรกเหล่านั้นไปขูดกับสีของรถ จนทำให้รถเกิดรอยจนแมวเล็ก ๆ โดยไม่รู้ตัว
- หากเริ่มสัมผัสแล้วว่าผ้าคลุมรถที่ใช้เริ่มเสื่อมสภาพ มีรอยขาด ผ้าเป็นขุย หรือ เนื้อสัมผัสเริ่มแข็งกระด้าง ให้เปลี่ยนทันที เพราะในส่วนที่เสื่อมสภาพของผ้า อาจไปขูดกับรถจนเกิดริ้วรอยได้
- ใช้ผ้าคลุมรถที่มีขนาดพอดีกับตัวรถ เมื่อนำมาคลุมรถก็จะรัดแน่นพอดี เนื่องจากผ้าที่ใหญ่เกินไป เมื่อนำมาใช้คลุมรถ หากมีลมพัดผ้าจะปลิวสะบัดไปมา จนเกิดการเสียดสีกับตัวรถซึ่งอาจทำให้เกิดรอยได้
- ควรทำความสะอาดผ้าคลุมรถเป็นประจำ อย่างน้อยที่สุดเดือนละ 1 ครั้งกำลังดี เพื่อกำจัดฝุ่นละออง และ สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนตัวผ้า หากปล่อยเอาไว้จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้นได้
บทส่งท้าย
ผ้าคลุมรถเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันตัวรถจากแสงแดด หากจำเป็นจะต้องจอดรถกลางแจ้งเป็นประจำ แต่จะต้องเลือกใช้ผ้าคลุมรถที่มีประสิทธิภาพดีพอเท่านั้น ไม่ใช่ว่าผ้าอะไรก็สามารถนำมาใช้คลุมผ้าได้ หากเลือกซื้อโดยคิดถึงแค่เรื่องของราคาถูก อาจทำให้ได้ผ้าที่ไม่มีคุณภาพมาใช้งาน นอกจากจะกันแดดไม่ได้จริง อาจทำให้รถเกิดริ้วรอย หรือ อาจละลายติดกับตัวรถเลยก็เป็นได้
สุดท้ายนี้อย่าลืมว่านอกจากแสงแดด ก็ยังมีเรื่องไม่คาดฝันอีกหลายอย่าง ที่ทำให้รถยนต์สุดรักสุดหวงของเราเกิดความเสียหายได้ การทำ “ประกันภัยรถยนต์” จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นกับรถยนต์ทุกคัน เพื่อรับมือกับเรื่องไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ สำหรับท่านที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์อย่างไรดี SILKSPAN ยินดีให้คำปรึกษาฟรี เพียงกรอกข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านล่างบทความนี้เท่านั้น