6 วิธีการเลือก “กล้องติดรถยนต์”
บางคนอาจมองว่ากล้องติดรถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็น เพราะถ้าเราขับขี่ปลอดภัยอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องติดก็ได้ แต่จริงๆ แล้วเมื่อมีเหตุการณ์คับขัน หรือเกิดอุบัติเหตุแบบที่มีรถคันอื่นมาชนรถของเรา ภาพเหตุการณ์ที่กล้องบันทึกไว้ จะกลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากในทันที
ในปัจจุบันในกล้องให้เลือกนับไม่ถ้วน จะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะต้องพิจารณาฟังก์ชั่นไหนบ้าง
1. ความละเอียด
ความสำคัญลำดับแรกๆ หนีไม่พ้นความละเอียดของกล้อง วิธีดูง่ายๆ คือเช็กว่ากล้องรุ่นนั้นๆ ใช้ CPU อะไร อย่างน้อยที่สุด ควรจะเป็น Novatek 96650 ซึ่งจะให้ภาพคุณภาพแบบ Full HD สามารถนำไปใช้งานได้จริง
ส่วนจำนวนพิกเซลนั้น แค่ความละเอียดขนาด 720 พิกเซลก็ละเอียดเพียงพอที่จะจับป้ายทะเบียน สัญญาณจราจร หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ได้แล้ว
2. มุมกล้อง
หลายๆ คนคิดว่ายิ่งกว้างยิ่งดี แต่อย่าลืมว่าภาพจากกล้องมุมกว้างมากอาจจะโค้งบิดเบี้ยวโดยเฉพาะบริเวณขอบของภาพ ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้กันอยู่ที่ 120 องศา แต่อย่างไรก็ตามควรเลือกให้เหมาะกับความกว้างของหน้ารถของคุณด้วย
3. หน่วยความจำ
ปัจจุบันกล้องส่วนใหญ่รองรับ Micro SD card ได้มากขึ้นแล้ว จึงไม่น่ามีปัญหาเรื่องหน่วยความจำไม่พอ เพียงแค่คุณเลือก Micro SD card Class 10 ขึ้นไป แล้วตั้งค่าความละเอียดของกล้องไว้ที่ 720 พิกเซลก็พอ
4. ระบบการตรวจจับความเคลื่อนไหว
ฟังก์ชั่นนี้จะทำให้กล้องบันทึกภาพเมื่อมีความเคลื่อนไหว หรือมีแรงสั่นสะเทือน ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกับผู้ที่จะต้องจอดรถไว้นอกบ้าน หรือจะต้องนำรถไปจอดที่ลานจอด แต่กล้องที่มีฟังก์ชันนี้อาจจะมีราคาสูงหน่อย
5. แบตเตอรี่
กล้องติดรถมีทั้งแบบที่ใช้ไฟจากที่จุดบุหรี่อย่างเดียว และแบบที่มีแบตเตอรี่สำรอง ข้อดีของการมีแบตเตอรี่สำรองคือ เมื่อเราดับเครื่องยนต์แล้ว กล้องที่มีแบตเตอรี่สำรองจะช่วยให้กล้องยังมีไฟเลี้ยงอยู่ ทำให้กล้องสามารถบันทึกไฟล์ได้ครบถ้วนก่อนที่จะปิด เมนูต่างๆ ที่ตั้งค่าไว้ก็จะเหมือนเดิม
6. การโอนย้ายไฟล์
แนะนำว่ากล้องควรมีฟังก์ชั่นที่สามารถโอนย้ายไฟล์ไปยังโทรศัพท์ได้ เพื่อให้สะดวกหากจะต้องเรียกดูไฟล์ภาพฉุกเฉิน เช่นใช้เป็นหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เพียงเท่านี้ คุณก็ไม่ต้องนั่งสับสนว่าจะเลือกกล้องตัวไหนดี และไม่ต้องจ่ายแพงโดยใช่เหตุอีกด้วย
