
ฝนตกหนัก กลัวบ้านเสียหาย มีวิธีรับมืออย่างไร

เมื่อเข้าสู่หน้าฝน หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของบ้านต้องกังวลทุกปี คงหนีไม่พ้นเรื่องของน้ำท่วมบ้าน โดยเฉพาะวันที่ฝนตกหนักทีไร มักจะเห็นปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนน่าใจหาย แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจในเบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมหรือวันที่ฝนตก เนื้อหาในบทความนี้เราจึงรวบรวมแนวทางป้องกันน้ำท่วมบ้าน พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติมาแนะนำ
ฝนตกหนักเสี่ยงน้ำท่วมบ้าน ป้องกันอย่างไรดี
แน่นอนว่าการหลีกเลี่ยงหรือสั่งให้ฝนตกหนักหยุดในทันทีคงเป็นไปไม่ได้ การป้องกันเพื่อให้บ้านพร้อมรับมือกับปัญหาน้ำท่วม หรือรัหรือรับมือกับความชื้นที่มากขึ้นในหน้าฝนจึงเป็นเรื่องสำคัญและทำได้ทันที โดยแนวทางป้องกันสามารถทำได้ด้วย 3 วิธีต่อไปนี้
สำรวจและปรับสภาพบ้านให้พร้อมรับมือ
ข้อแรกให้เตรียมความพร้อมด้วยการสำรวจรอบ ๆ บ้าน โดยเฉพาะจุดอ่อนของบ้านซึ่งอาจเป็นทางที่ทำให้น้ำไหลผ่านเข้ามาได้ เช่น ทางน้ำไหลย้อนมีหรือไม่ หากมีจุดที่คาดว่าจะทำให้น้ำไหลย้อนกลับหรือทางที่น้ำจะเข้าสู่ตัวบ้านได้ ให้รีบกั้นอิฐบล็อกเรียงเป็นแนวกั้นน้ำเพื่อทำแนวกั้นน้ำ อาจเสริมด้วยพลาสติกและใช้ถุงทรายกั้นอีกชั้นที่ด้านหน้า กรณีที่มีพื้นลาดต่ำกว่าถนนให้ใช้ถุงทราย แผงเหล็ก หรือแผงสังกะสีในการยึดติดกับตัวบ้านเพื่อป้องกันน้ำท่วม และไม่ควรให้มีสิ่งอุดตันท่อระบายน้ำ
ยกของมีค่าไว้ในที่สูงเสมอ
กรณีที่ฝนตกหนัก และคาดว่าจะเกิดน้ำท่วมบ้านแน่นอนแล้ว ให้เตรียมพร้อมด้วยการยกของสำคัญและของมีค่าไว้ที่สูงเสมอ อาจวางบนโต๊ะหรือตู้ที่มีความแข็งแรง หรือหากเป็นไปได้ให้ขนย้ายของมีค่าไปไว้ที่ชั้นสองของบ้านจะดีที่สุด อย่างไรก็ตามควรเลือกสิ่งของที่มีค่าหรือสำคัญต่อการดำรงชีวิตมากที่สุดก่อน
เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินให้พร้อม
เมื่อคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดภัยธรรมชาติหรือไม่ แต่ก็ไม่ควรละเลยการเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินที่สำคัญ เช่น อาหารแห้ง ไฟฉาย เครื่องสำรองไฟแบบไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ยาสามัญประจำบ้าน เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย รองเท้าสำหรับลุยน้ำ และควรสำรองแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย

น้ำท่วมบ้าน ควรทำอย่างไรเมื่อเกิดเหตุ
หากเตรียมพร้อมรับมือกับน้ำท่วมบ้านในวันที่ฝนตกหนักแล้ว เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมบ้านจริง ให้ตั้งสติ ไม่ควรวิตกหรือกังวลจนเกินไป ให้คิดว่าเราได้เตรียมแผนรับมือและเตรียมความพร้อมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรทำทันทีคือ ปิดสวิตช์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และปิดแก๊สในบ้านทั้งหมด เพื่อป้องกันแก๊สรั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร ที่จะยิ่งเพิ่มความอันตรายต่อชีวิตได้
นอกจากนี้ควรเฝ้าระวังสิ่งรอบตัวที่อาจมากับน้ำ เช่น สัตว์เลื้อยคลาน หรือสิ่งของมีคม หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการจับหรือสัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโลหะที่อาจเป็นตัวนำไฟฟ้า และควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่อึดอัด รองเท้าที่ป้องกันน้ำและของมีคม พร้อมทั้งพิจารณาเส้นทางที่จะเดินทางออกจากบ้าน รวมถึงพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทำประกันบ้าน ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
นอกจากการเตรียมความพร้อมรับมือกรณีน้ำท่วมบ้าน หรือป้องกันความเสียหายภายในบ้านจากฝนตกหนักแล้ว การทำประกันบ้านก็ยังเป็นอีกวิธีที่ช่วยเพิ่มความสบายใจให้กับเจ้าของบ้านในช่วงหน้าฝนได้ ด้วยความคุ้มครองที่ค่อนข้างครอบคลุม ช่วยให้รู้สึกอุ่นใจและคลายความกังวลเมื่อเข้าสู่หน้าฝน
ประกันบ้านครอบคลุมอะไรบ้าง
การทำประกันบ้าน ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสบายใจ แต่ยังให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกิดความเสียหายกับตัวบ้าน โดยเฉพาะความคุ้มครอง 3 เรื่องต่อไปนี้
- คุ้มครองอัคคีภัย : ความคุ้มครองจากเหตุการณ์ ไฟไหม้บ้าน ฟ้าผ่าลงหลังคา และแก๊สรั่ว โดยความคุ้มครองจะมีเฉพาะตัวบ้าน และบริษัทจะจ่ายผลประโยชน์ให้ตามกรมธรรม์ให้กับเจ้าของบ้าน
- คุ้มครองภัยพิบัติ : ภัยพิบัติ หรือภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม พายุฝนตกหนัก แผ่นดินไหว หรือสึนามิ โดยให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขบนกรมธรรม์ และต้องเป็นภัยธรรมชาติที่เป็นไปตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย
- คุ้มครองการโจรกรรม : ความคุ้มครองในส่วนนี้จะคุ้มครองในส่วนของทรัพย์สินและตัวบ้านที่เกิดจากการถูกโจรกรรม
เลือกประกันบ้านอย่างไรให้คุ้มค่า
เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุดในการทำประกันบ้าน ควรพิจารณาจากหลายบริษัท เพื่อทำการเปรียบเทียบความคุ้มครอง โดยเฉพาะเงื่อนไขในการแจ้งเคลมประกัน ค่าเบี้ยประกัน และวงเงินสูงสุดในการแจ้งเคลมประกัน การเปรียบเทียบจะช่วยให้เจ้าของบ้านเลือกประกันได้คุ้มค่า ตรงใจ และยังได้ความคุ้มครองที่ช่วยเพิ่มความสบายใจได้มากที่สุด
สรุปฝนตกหนักไม่ได้น่ากลัว หากเตรียมรับมืออย่างถูกวิธี
ภัยธรรมชาติ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เมื่อเกิดฝนตกหนัก หรือมีความกังวลเกี่ยวกับน้ำท่วมบ้าน สิ่งที่ต้องรีบจัดการทันที คือการเตรียมความพร้อม ทั้งการสำรวจบ้าน ปรับเปลี่ยน หรือแก้ไขจุดที่คาดว่าน้ำจะไหลเข้าสู่ตัวบ้านได้ มีสติและเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินที่จำเป็นให้พร้อม รวมถึงการทำประกันบ้านไว้อย่างน้อย 1 กรมธรรม์ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้รับมือกับหน้าฝนได้อย่างไร้กังวลแล้ว
และถ้าหากมีความจำเป็นที่จะต้องขับรถลุยน้ำ หรือเจอเส้นทางที่น้ำท่วมสูงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเมินแล้วรถยนต์น่าจะลุยน้ำไปได้ ก็อย่าลืมหาประกันรถยนต์ดีๆ อย่างประกันชั้น 1 จาก SILKSPAN เบี้ยเริ่มต้นแค่เพียง 750 บาท/เดือน เช็กเบี้ยประกันรถยนต์ได้เลยที่นี่