
รถยนต์ไฟฟ้า-น้ำมัน รุ่นไหนเด่นในครึ่งปีหลัง 2568

เดินทางเข้าสู่ครึ่งปีหลัง 2568 กันแล้ว ช่วงครึ่งหลังแบบนี้ หลาย ๆ ธุรกิจมักจะปล่อย ‘ไม้เด็ด’ ของแบรนด์ออกมาเพื่อปิดการขายในครึ่งปีหลังกัน เช่นเดียวกับรถยนต์จากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์น้ำมัน ที่ครึ่งปีหลังนั้นได้เปิดตัวรถใหม่ออกมาเป็นตัวเลือกใหม่หลายรุ่น ใครที่กำลังมีแผนจะเปลี่ยนรถใหม่ หรือซื้อรถช่วงนี้ไปติดตามกันได้เลยว่า จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
รวมรถใหม่ครึ่งปีหลัง 2568 ที่น่าจับตามอง
รถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจในช่วงครึ่งปีหลัง ต้องบอกเลยว่าออกมาให้คนรักรถเลือกกันหลายรุ่น แถมแต่ละรุ่นยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจทำเอาตัดสินใจได้ยากเลยทีเดียว โดยรถใหม่ทั้งหมดนี้คือรุ่นที่เราคัดมาแนะนำกัน
1.Toyota Land Cruiser FJ
Toyota Land Cruiser FJ รถยนต์น้ำมันรุ่นล่าสุดที่เตรียมเปิดตัวปลายปี 2568 นี้ โดยจะเป็นรถที่ผลิตในประเทศไทย มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และในอนาคตคาดว่าอาจจะมีรุ่น Full-Time WD มาเป็นอีกตัวเลือก
จุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์รถเป็น SUV 5 ที่นั่ง ที่ตอบโจทย์สายลุยและขับขี่ในเมือง คาดว่าห้องเครื่องจะสั้นกว่า Toyota Fortuner เพื่อรองรับกับการขับในเมืองมากขึ้น ส่วนราคาคาดว่าอยู่ที่ 1.2 – 1.5 ล้านบาท
2.Toyota Yaris Ativ HEV
รถใหม่อีกรุ่นจากโตโยต้า Toyota Yaris Ativ HEV ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงเดือนสิงหาคม 2568 กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 แบบ Hybrid ที่ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 80 แรงม้า 141 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ e-CVT แบบขับเคลื่อนล้อหน้า
ด้านการใช้งานยังมีระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันการลื่น TRC และมีระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกข้างแบบ BSM สำหรับตัวรถนั้นเป็นดีไซน์เก๋ง 4 ประตูที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง ราคาคาดว่าอยู่ที่ 699,000 – 789,000 บาท
3.Suzuki Fronx
สำหรับ Suzuki Fronx เป็นรถยนต์น้ำมันที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า อยู่ในกลุ่มรถ Hybrid แบบ B-SUV ด้วยดีไซน์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมือง ด้านเครื่องยนต์เป็นเครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะแบบขับเคลื่อนล้อหน้า
ด้านการใช้งานยังมีระบบที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยอย่าง LKA ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน ระบบเตือนมุมอับสายตา และระบบเตือนเมื่อรถส่าย พร้อมด้วยกล้องรอบคัน 360 องศา ส่วนราคาเปิดตัวคาดว่าอยู่ที่ตั้งแต่ 6 แสนปลายไปจนถึง 7 แสนปลาย
4.Nissan Kicks e-POWER
Nissan Kicks e-POWER โฉมใหม่ที่ยังคงความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบ B-SUV แบบ 5 ที่นั่ง ครั้งนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีแบบไฮบริด e-POWER ที่มีพละกำลังสูงสุด 136 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดที่ 280 นิวตันเมตร ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร กับโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ทั้ง ECO, Normal, Sport และ EV ด้านการใช้งานนั้นมีระบบเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบ ProPILOT Assist โดยโฉมใหม่นี้คาดว่าเริ่มต้นที่ 779,900 – 980,000 บาท
5.BYD Seal 5 DM-i Plug-in Hybrid
BYD Seal 5 DM-i Plug-in Hybrid รถยนต์ไฮบริดจากค่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ที่ใช้ขุมพลัง Plug-in Hybrid เป็นรุ่นแรก กับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 101 แรงม้า ผสานกับแบตเตอรี่ Lithium-ion Blade Battery ซึ่งมีความจุขนาด 18.3 kWh ด้วยการขับเคลื่อนแบบล้อหน้า รองรับการใช้งานในเมือง โดยรถยนต์รุ่นนี้ยังสามารถวิ่งด้วยกำลังไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางประมาณ 115 km. ส่วนการใช้น้ำมันและไฟฟ้า ได้ระยะทางที่ประมาณ 1,240 km. โดยราคาคาดว่าอยู่ที่ 6 – 7 แสนบาท
6.MG IM5
ปิดท้ายกันด้วยรถไฟฟ้าที่เตรียมเปิดตัวช่วงครึ่งปีหลัง 2568 กับ MG IM5 รถซีดานไฟฟ้าที่ออกแบบมาให้ดูพรีเมียม และล้ำสมัย กับตัวเลือกที่มีถึง 3 รุ่นย่อยอย่าง Premium, Platinum และ Performance ที่ต่างกันด้วยขนาดแบตเตอรี่และระยะทางวิ่ง สำหรับจุดเด่นที่สำคัญของ MG IM5 คือระบบช่วยขับขี่แบบกึ่งอัตโนมัติ ที่ทำงานร่วมกับชิป NVIDIA Orin ช่วยให้มือใหม่ขับขี่ได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน One-Touch Park ที่เคลมว่าช่วยจอดรถอัตโนมัติได้แม่นยำ พร้อมระบบเลี้ยวที่ล้อหลัง เพื่อให้การเลี้ยวในพื้นที่แคบกลายเป็นเรื่องง่าย ด้านราคานั้นคาดว่าเริ่มที่ 1.29 – 1.7 ล้านบาท

รถยนต์น้ำมัน VS รถยนต์ไฟฟ้า เลือกแบบไหนดี?
เมื่อรถยนต์เตรียมเปิดตัวมีหลายรุ่นขนาดนี้ แถมยังมีทั้งรถยนต์น้ำมัน รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้คนที่กำลังจะซื้อรถใหม่ตัดสินใจได้ยาก การตัดสินใจซื้อรถจึงต้องพิจารณาเพิ่มจาก 2 ปัจจัย ดังนี้
เปรียบเทียบต้นทุนระยะยาว
ลองเปรียบเทียบดูว่าค่าใช้จ่ายในระยะยาวของรถยนต์แต่ละแบบนั้นต่างกันขนาดไหน เช่น รถยนต์น้ำมัน อาจมีราคาสูงกว่าในเรื่องของพลังงาน แต่กรณีที่ต้องเอารถเข้าศูนย์ตามระยะอาจมีราคาที่ต่ำกว่ารถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า แม้จะมีราคาที่ถูกกว่า และประหยัดในเรื่องพลังงานมากกว่า แต่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมด้วยว่า ที่บ้านของคุณสามารถติดตั้งเครื่อง EV Charger ได้หรือไม่ และในการเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นมีช่วงราคาที่สูงกว่าค่าอะไหล่ของรถยนต์น้ำมันหรือไม่ การเปรียบเทียบจะช่วยให้คุณเห็นความคุ้มค่าได้มากกว่า
ความสะดวกในการใช้งานจริงในไทยปี 2568
เพื่อตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ควรทดลองขับรถยนต์รุ่นที่สนใจดูก่อน เพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะของรถ ว่ารุ่นไหนเหมาะกับคุณ ทั้งในแง่ของการขับขี่ ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร และความนุ่มนวลในการใช้งาน วิธีนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าตัวเลือกไหน จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด
สรุปรถยนต์รุ่นไหนใช่สำหรับคุณ?
แม้ว่าจะมีตัวเลือกรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงท้ายปี 2568 นี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์น้ำมัน ไฮบริด หรือรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องพิจารณาในหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย การใช้งานจริง และความคุ้มค่าในระยะยาว เพราะการซื้อรถสักคันต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายมากมาย ดังนั้น เลือกให้ ‘ใช่’ และใช้ได้จริงมากที่สุด รับรองว่าคุ้มค่าในระยะยาวแน่นอน