
ไขข้อสงสัย! ยางรถยนต์ไฟฟ้า กับยางรถยนต์ธรรมดา ต่างกันหรือไม่?

ใครที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV เคยสงสัยหรือไม่ว่า ยางรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้อยู่นั้นมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไรกับยางรถยนต์ปกติทั่วไป แล้วสามารถใช้ด้วยกันได้หรือไม่ เพราะยางรถเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน ดังนั้น การทำความเข้าใจในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เจ้าของรถเตรียมความพร้อมได้ดีที่สุดในเวลาที่เกิดเหตุสุดวิสัยอย่างยางรั่วหรือยางแบนได้
ยางรถไฟฟ้าคืออะไร ทำไมถึงต่างจากยางรถทั่วไป
แม้จะเป็นส่วนประกอบที่ใช้งานเหมือนกัน แต่ยางรถยนต์ไฟฟ้านั้นถูกออกแบบมาให้รองรับกับการใช้งานสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยสาเหตุก็มาจาก 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
ความแตกต่างระหว่างยางรถยนต์ไฟฟ้า กับยางรถยนต์ทั่วไป
สิ่งที่ทำให้ยางรถไฟฟ้ามีราคาที่สูงกว่าก็เพราะความแตกต่างในหลายด้าน เช่น ดอกยางที่สึกหรอได้เร็วกว่าปกติ เพราะรถไฟฟ้ามีอัตราการเร่งที่สูงกว่า และยังมีส่วนช่วยลดเสียงรบกวนระหว่างขับขี่ รวมถึงประสิทธิภาพในการรับน้ำหนักที่ทำได้มากกว่ายางรถทั่วไปด้วย ที่สำคัญคือยางรถ EV นั้นจะมีความต้านทานในการหมุนที่ต่ำกว่ารถทั่วไปเพื่อลดการใช้พลังงาน
ทำไมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (รถ EV) ต้องใช้ยางเฉพาะ
จากข้อมูลด้านความแตกต่างของยางรถยนต์ไฟฟ้ากับยางรถทั่วไป ทำให้ผู้ใช้รถ EV จำเป็นต้องใช้ยางสำหรับรถไฟฟ้าโดยเฉพาะเท่านั้น เพื่อให้รองรับกับการใช้งาน และเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนได้มากที่สุด
ยางรถไฟฟ้า ราคาเท่าไหร่? ปัจจัยที่มีผลต่อราคา
ปัจจุบันยางรถไฟฟ้านั้นมีตัวเลือกที่ค่อนข้างหลากหลาย เพราะแบรนด์ผู้ผลิตยางรถยนต์ชั้นนำส่วนใหญ่ผลิตยางรถยนต์ไฟฟ้ากันด้วย โดยในส่วนราคาก็มีความแตกต่างกันไป ตามรายละเอียดต่อไปนี้
แบรนด์และรุ่นของยางรถ EV
สำหรับแบรนด์และรุ่นของยางรถยนต์ไฟฟ้า นั้นมีอยู่หลายตัวเลือกในปัจจุบัน แต่สำหรับแบรนด์และรุ่นที่ได้รับความนิยม เช่น
- Michelin – Pilot Sport EV, Primacy 4
- Goodyear – ElectricDrive
- Dunlop – Enasave EC300+
- Bridgestone – Ecopia, Turanza
- Yokohama – Advan Sport EV V108
- Maxxis – Victra Sport EV
ขนาดล้อและสมรรถนะของรถไฟฟ้า EV
ในส่วนของขนาดล้อก็มีความหลากหลายของตัวเลือกด้วยเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและสมรรถนะของรถไฟฟ้า เช่น Tesla Model 3 ขนาดยางหน้า 235/35 R20 และยางหลัง 275/30 R20 หรือรถไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอย่าง MG ZS EV ขนาดยางที่ใช้คือ 215/55R18 เป็นต้น การสอบถามกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงจะช่วยให้คุณเลือกขนาดยางได้เหมาะกับสมรรถนะได้มากที่สุด
เปรียบเทียบราคายางรถไฟฟ้ากับยางรถทั่วไป
นอกจากนี้ ยางรถยนต์ไฟฟ้า ยังมีราคาที่สูงกว่ายางรถทั่วไปด้วย โดยยางรถ EV ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มต้นประมาณเส้นละ 10,000 บาท ส่วนยางรถทั่วไปราคาเฉลี่ยเริ่มที่ 2,000 – 7,000 บาทต่อเส้น
วิธีเลือกยางรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับรถของคุณ
การเลือกยางรถไฟฟ้าให้ตอบโจทย์กับรถไฟฟ้า จะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานและคุ้มค่ามากที่สุด โดยสามารถเลือกยางให้เหมาะสมได้ตามแนวทางดังนี้
การเลือกยางตามประเภทรถยนต์ไฟฟ้า (Sedan, SUV, Crossover)
ยางรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำเป็นต้องเลือกตามประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า เพราะยางรถไฟฟ้าต้องรองรับกับน้ำหนักของรถได้อย่างเหมาะสม เช่น ขนาดยางที่ใหญ่ขึ้นสำหรับรถ EV แบบ Crossover หรือยางรถที่มีขนาดเล็กลงสำหรับรถยนต์แบบ Sedan แต่ยังคงมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะที่ดี เป็นต้น
เลือกยางตามพฤติกรรมการขับขี่
การเลือกตามพฤติกรรมการขับขี่ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้ได้ยางรถไฟฟ้าที่เหมาะกับรถ EV ของตัวเอง เช่น การขับขี่แบบสปอร์ต ให้เลือกยางที่มีสมรรถนะในการเกาะถนนรองรับแรงบิดสูง หรือการขับขี่ที่เน้นประหยัดพลังงานและนุ่มเงียบ ให้มองหายางที่มีเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน และลดแรงสั่นสะเทือนได้ดี
เลือกยางที่ช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มระยะทางการวิ่ง
หากต้องการเลือกยางที่ช่วยประหยัดพลังงาน ให้พิจารณายางที่มีความต้านทานการหมุนต่ำ และช่วยลดการสูญเสียพลังงาน กระจายแรงกดได้ดี และต้องเป็นยางที่เหมาะกับประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม

การดูแลรักษายางรถไฟฟ้าเพื่อยืดอายุการใช้งาน
นอกจากการเลือกยางรถ EV ให้เหมาะกับประเภท และรุ่นรถแล้ว การดูแลรักษายางรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ ดังนี้
เช็คลมยางสม่ำเสมอสำหรับรถ EV
ตรวจเช็คลมยางสม่ำเสม ไม่ควรปล่อยให้ยางอ่อนเกินไป และก็ไม่ควรเติมบ่อยจนลมยางเต็มมากเกินไป เพราะทำให้เกิดการเสื่อมและสึกหรอของดอกยางได้เร็ว
การสลับยางและตั้งศูนย์ล้อ
เมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ควรเปลี่ยนยางรถไฟฟ้าเมื่อมีการสึกหรอ โดยอาจเริ่มจากการสลับยางก่อนเปลี่ยนใหม่ และคอยตรวจสอบการตั้งศูนย์ล้อเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัยมากที่สุด
วิธีสังเกตยางเสื่อมสภาพ
การสังเกตความเสื่อมสภาพของยางเบื้องต้น ให้ลองสังเกตดูว่าขณะขับขี่มีเสียงผิดปกติเข้ามาในห้องโดยสารหรือไม่ และการสัมผัสกับพื้นถนนเป็นไปอย่างปกติหรือไม่
ความสัมพันธ์ของยางรถไฟฟ้า กับประกันรถ EV
รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีความเฉพาะในเรื่องของอะไหล่ค่อนข้างมาก ยางรถ EV ก็เช่นกัน ทำให้การทำประกันรถ EV มีความแตกต่างในเรื่องความคุ้มครองด้วย ดังนี้
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ครอบคลุมอะไรบ้าง
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมความเสียหายของรถ EV รวมถึงกรณียางรถเสียหายด้วย แต่การเคลมจะต้องพิจารณาตามเงื่อนไข เช่น ยางแตกโดยมีคู่กรณีสามารถเคลมได้ และหากยางแตกเสียหายแบบไม่มีคู่กรณีอาจเคลมไม่ได้
เลือกประกันรถไฟฟ้าให้คุ้มค่า
การเลือกประกันรถไฟฟ้าให้คุ้มค่ามากที่สุด ให้พิจารณาในหลายด้าน เช่น ความคุ้มครองกรณีแบตเตอรี่ชำรุดเสียหายจากไฟไหม้ น้ำท่วม อุบัติเหตุ และโจรกรรม รวมถึงเงื่อนไขความคุ้มครองยางรถยนต์ไฟฟ้าว่ามีกรณีไหนบ้าง ที่สำคัญคือ อย่าลืมเปรียบเทียบราคาเบี้ยและทุนประกันของแต่ละบริษัทเพิ่มเติมด้วย
เคลมประกันเมื่อยางรถ EV เกิดปัญหา
การแจ้งเคลมประกันเมื่อยางรถ EV มีปัญหา ให้ติดต่อไปยังบริษัทประกันเพื่อแจ้งสาเหตุที่ทำให้ยางเสียหาย รวมถึงถ่ายรูปจุดเกิดเหตุ และรถยนต์คู่กรณีเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจทำประกันให้ลองตรวจสอบดูด้วยว่า ศูนย์บริการคู่สัญญามีความเชี่ยวชาญในการซ่อมรถ EV โดยตรงหรือไม่
สรุปยางรถไฟฟ้าสำคัญต่อความปลอดภัยและการขับขี่
ยางรถยนต์ไฟฟ้า คือชิ้นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และช่วยให้มั่นใจเมื่อต้องขับขี่ในแต่ละเส้นทาง อย่างไรก็ตาม การเลือกยางรถไฟฟ้าที่เหมาะสมกับรุ่นรถ และไลฟ์สไตล์การขับขี่ รวมถึงการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีก็เป็นวิธีที่ช่วยยืดอายุการใช้งานยางรถ EV ได้
แต่เพื่อให้ขับขี่ได้สบายใจ มั่นใจในทุกครั้งที่จับพวงมาลัย อย่าลืมทำประกันรถยนต์ไฟฟ้า ที่ครอบคลุมความคุ้มครอง จะช่วยให้อุ่นใจได้มากขึ้นด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : SILKSPAN
- Instagram : silkspan
- Line Official : @SILKSPAN
- X (twitter) : SILKSPAN
- Youtube : SILKSPAN
- TikTok : silkspan