
รถโดนล็อคล้อ ทำอย่างไรดี? รวมสาเหตุ ค่าปรับ และวิธีป้องกัน

ปัญหารถโดนล็อคล้อเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถจำนวนไม่น้อยต้องเคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นเพราะจอดรถไม่ถูกที่ เผลอจอดในจุดห้ามจอด หรือไม่ได้สังเกตป้ายเตือน ปัญหานี้ไม่เพียงสร้างความไม่สะดวก แต่ยังต้องเสียค่าปรับและเสียเวลาในการติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อปลดล็อคอีกด้วย บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าทำไมถึงโดนล็อคล้อ มีขั้นตอนการแก้ไขอย่างไร ต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ และควรป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำได้อย่างไร
สาเหตุหลักที่ทำให้รถโดนล็อคล้อ
การที่รถถูกล็อคล้อ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล แต่ส่วนใหญ่ล้วนมาจากการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายจราจรหรือสร้างความเดือดร้อนต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการจอดในที่ห้ามจอดรถ การกีดขวางเส้นทางจราจร หรือการจอดในพื้นที่สงวนสิทธิ์ หากผู้ขับรู้และเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้ ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก ลดทั้งความเสี่ยงในการโดนล็อคล้อ และช่วยให้การจราจรเป็นระเบียบมากขึ้น
1. จอดรถในพื้นที่ห้ามจอด
สาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้รถถูกล็อคล้อ คือ การจอดรถในพื้นที่ห้ามจอด เช่น หน้าป้ายห้ามจอด หน้าสถานีตำรวจ หน้าธนาคาร หรือบริเวณที่มีการติดป้ายชัดเจน การฝ่าฝืนกฎหมายจราจรประเภทนี้ถือว่ามีความผิดชัดเจน และเจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ล็อคล้อรถทันที
2. จอดรถกีดขวางการจราจร
หากจอดรถในลักษณะที่กีดขวาง เช่น จอดซ้อนคัน ปิดทางเข้าออกอาคาร หรือกีดขวางเส้นทางสัญจร เจ้าหน้าที่สามารถใช้มาตรการล็อคล้อเพื่อบังคับให้ผู้ขับมาติดต่อและเคลื่อนย้ายรถ
3. ฝ่าฝืนป้ายห้ามจอดหรือห้ามจอดรถ
หลายครั้งผู้ขับอาจเห็นป้ายแต่เลือกที่จะไม่ปฏิบัติตาม เช่น จอดบริเวณที่มีเครื่องหมายห้ามจอดตลอดเวลา หรือห้ามจอดในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ช่วงเร่งด่วนตอนเช้าและเย็น การละเมิดกฎนี้ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายกฎหมายโดยตรง
4. จอดรถในที่สงวนสิทธิ์หรือพื้นที่เฉพาะ
บางพื้นที่ถูกจัดไว้เฉพาะ เช่น ที่จอดรถสำหรับผู้พิการ ที่จอดสำหรับรถขนส่งสาธารณะ หรือพื้นที่ที่มีการอนุญาตเฉพาะบุคคล หากมีการนำรถไปจอดโดยไม่ได้รับสิทธิ์ ก็มีโอกาสสูงที่จะโดนล็อคล้อ

ขั้นตอนเมื่อรถโดนล็อคล้อ
เมื่อพบว่ารถของคุณถูกตำรวจล็อคล้อ สิ่งสำคัญคือการตั้งสติและปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถปลดล็อคและนำรถออกมาได้โดยเร็ว ขั้นตอนเหล่านี้มักเริ่มจากการตรวจสอบป้ายหรือเอกสารที่เจ้าหน้าที่ติดไว้บนรถ จากนั้นจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ตามหมายเลขที่ระบุ และดำเนินการชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด การรู้ขั้นตอนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณไม่ตื่นตระหนกและจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ตรวจสอบป้ายแจ้งและหมายเลขติดต่อ
โดยทั่วไป เจ้าหน้าที่จะติดป้ายหรือเอกสารไว้ที่รถ เพื่อแจ้งว่ารถถูกล็อคจากสาเหตุอะไร พร้อมทั้งระบุหมายเลขติดต่อเพื่อดำเนินการแก้ไข
2. ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อปลดล็อคล้อ
ผู้ขับต้องโทรติดต่อหมายเลขที่ระบุไว้ หรือไปยังสำนักงานเขต/สถานีตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งความประสงค์ให้ปลดล็อค และต้องนำเอกสาร เช่น ใบขับขี่ หรือทะเบียนรถ เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ
3. การเสียค่าปรับและช่องทางชำระเงิน
เมื่อรถถูกตำรวจล็อคล้อ การปลดล็อคจะต้องชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด อาจชำระเป็นเงินสดกับเจ้าหน้าที่ หรือชำระผ่านระบบออนไลน์ (ในบางเขตหรือบางจังหวัดที่มีบริการ)
ค่าปรับจากการโดนล็อคล้อ
การถูกล็อคล้อรถ นอกจากจะสร้างความไม่สะดวกแล้ว ยังมีผลโดยตรงกับกระเป๋าสตางค์ เพราะผู้ขับจะต้องเสียค่าปรับตามที่กฎหมายจราจรกำหนด ซึ่งค่าปรับอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่และความผิดที่เกิดขึ้น
1. อัตราค่าปรับมาตรฐาน
ตามกฎหมายจราจร ผู้ที่จอดรถในที่ห้ามจอด กีดขวางทางจราจร หรือฝ่าฝืนป้ายห้ามจอด ต้องเสียค่าปรับ ไม่เกิน 500 บาท ซึ่งถือเป็นอัตราที่ใช้บังคับทั่วไปในทุกพื้นที่ ตัวเลขนี้อาจดูไม่สูง แต่ก็ถือว่าเป็นการสูญเสียโดยไม่จำเป็น หากสังเกตป้ายก่อนจอดก็สามารถหลีกเลี่ยงได้
2. ค่าปรับในพื้นที่พิเศษหรือเทศบาล
ในบางพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เช่น เขตเศรษฐกิจใจกลางเมือง หรือพื้นที่ที่ดูแลโดยเทศบาลท้องถิ่น อาจกำหนดค่าปรับสูงกว่าปกติ บางแห่งอาจอยู่ที่ 700 – 1,000 บาท เพื่อใช้เป็นมาตรการควบคุมพฤติกรรมการจอดรถผิดกฎหมายที่กระทบต่อสาธารณะ
3. ผลกระทบถ้าไม่เสียค่าปรับตามกำหนด
หากผู้ขับละเลยไม่ยอมชำระค่าปรับตามเวลาที่กำหนด จะมีผลต่อการดำเนินการทางกฎหมาย เช่น
- ไม่สามารถต่อทะเบียนรถได้ เพราะระบบของกรมการขนส่งทางบกจะเชื่อมโยงกับข้อมูลค่าปรับที่ค้างชำระ
- อาจถูกเรียกเก็บค่าปรับเพิ่ม พร้อมดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ชำระ
วิธีป้องกันไม่ให้รถโดนล็อคล้อ
การป้องกันคือวิธีที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียค่าปรับแล้ว ยังช่วยให้คุณไม่เสียเวลาและไม่ต้องปวดหัวกับการติดต่อเจ้าหน้าที่
1. สังเกตป้ายห้ามจอดก่อนจอดรถทุกครั้ง
ก่อนจะจอดรถ ควรหมั่นสังเกตป้ายหรือเครื่องหมายบนถนน เช่น ป้ายห้ามจอดตลอดเวลา ป้ายห้ามจอดช่วงเวลาเร่งด่วน หรือเส้นขอบฟุตปาธที่ทาสีแดง–ขาว การเพิกเฉยต่อสัญญาณเหล่านี้ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
2. หลีกเลี่ยงการจอดในจุดที่เสี่ยงโดนล็อคล้อ
แม้บางพื้นที่จะไม่มีป้ายห้ามจอดชัดเจน แต่หากเป็นจุดที่กีดขวาง เช่น
- หน้าธนาคารหรือสถานีตำรวจ
- ใกล้ป้ายรถเมล์
- บริเวณทางม้าลายหรือทางแยก
พื้นที่เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนล็อคล้อ เพราะเจ้าหน้าที่มักตรวจเข้มเป็นพิเศษ
3. ใช้ที่จอดรถที่ได้รับอนุญาตหรือถูกต้องตามกฎหมาย
การเลือกใช้ลานจอดรถ อาคารสำนักงาน หรือที่จอดในห้างสรรพสินค้า แม้จะมีค่าใช้จ่าย แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการต้องเสียค่าปรับและความไม่สะดวกจากการโดนล็อคล้อ อีกทั้งยังมั่นใจได้ว่ารถปลอดภัย ไม่เสี่ยงโดนลากหรือล็อค
4. ใช้บริการที่จอดรถแบบรายเดือนหรือรายชั่วโมง
ในเขตเมืองใหญ่ มักมีบริการที่จอดรถรายเดือนหรือรายชั่วโมงที่ถูกกฎหมาย หากคุณต้องใช้รถในพื้นที่นั้นบ่อย ๆ การเช่าที่จอดแบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาและลดโอกาสโดนล็อคล้อได้อย่างมาก
สรุป
รถโดนล็อคล้อไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ละเลยการจอดรถให้ถูกต้องตามกฎหมาย สาเหตุหลักคือการจอดในที่ห้ามจอด กีดขวางการจราจร ฝ่าฝืนป้ายห้ามจอด หรือจอดในพื้นที่สงวนสิทธิ์ หากรถถูกล็อค ควรดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ติดต่อเจ้าหน้าที่ ชำระค่าปรับ และนำรถออกจากพื้นที่โดยเร็ว ที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันตั้งแต่แรก ด้วยการสังเกตป้ายและเลือกจอดในที่ที่อนุญาต จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย และทำให้การใช้รถในชีวิตประจำวันราบรื่นยิ่งขึ้น
ถ้าหากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ดีๆ อย่างประกันรถยนต์ชั้น 1 ,ประกันรถยนต์ชั้น2+ ,ประกันรถยนต์ชั้น3+ และประกันรถยนต์ชั้น 3 SILKSPAN รวมรวมให้คุณไว้แล้วจากกว่า 20 บริษัทชั้นนำ เช็กเบี้ยได้เลย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : SILKSPAN
- Instagram : silkspan
- Line Official : @SILKSPAN
- X (twitter) : SILKSPAN
- Youtube : SILKSPAN
- TikTok : silkspan