การันตีเช็กเบี้ยประกันรถถูกลง 30%

มาทำความรู้จักสินเชื่อรถยนต์ว่ามีแบบไหนบ้าง แตกต่างจากสินเชื่อประเภทอื่นอย่างไร


สินเชื่อรถยนต์ คืออะไร มีแบบไหนบ้าง

สินเชื่อรถยนต์คืออะไร?

        สินเชื่อรถยนต์ คือ สินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ที่ตัวช่วยด้านเงินทุนในการซื้อขายรถยนต์ ทำได้ทั้งรถยนต์มือหนึ่ง และมือสอง และสินเชื่อรถยนต์เองก็ยังมีประเภทที่สามารถใช้รถยนต์เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเพื่อกู้เงินออกมาใช้งานได้ โดยมีดอกเบี้ยเป็นจำนวนคงที่ ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยในแต่ละเดือนมีการถูกกำหนดจำนวนไว้แบบตายตัวไว้ที่เรียบร้อยแล้ว และไม่ว่าจะสินเชื่อรถยนต์ประเภทไหนก็จะมีผ่อนชำระเป็นจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ตามที่มีระบุไว้ในสัญญา ไม่ว่าคนที่จะกำลังมองหาสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อรถใหม่ 

        แล้วเคยมีความสงสัยกันหรือไม่ว่าสินเชื่อรถยนต์แตกต่างจากสินเชื่อประเภทอื่นอย่างไร และสินเชื่อรถยนต์เป็นสินเชื่อที่เหมาะกับใคร มีกี่ประเภท และมีข้อดีอย่างไร สินเชื่อรถยนต์สามารถขอได้ตอนไหน มีขั้นตอนอย่างไรลองมาดูข้อมูลเหล่านี้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวคุณกัน

 

สินเชื่อรถยนต์มีกี่ประเภท มีแบบไหนบ้าง?

        สินเชื่อรถยนต์แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท สินเชื่อรถยนต์ทั้งสองประเภทนี้ล้วนมีความแตกต่างของจุดประสงค์กันโดยสิ้นเชิง ลองมาทำความเข้าใจว่าเรานั้นมีความต้องการแบบไหนก่อนการขอสินเชื่อรถยนต์

สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์

        สินเชื่อเช่ารถยนต์เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการออกรถยนต์คันใหม่ หรือกำลังวางแผนในการเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ แต่ไม่มีเงินก้อนเพียงพอในการชำระดาวน์ ในกรณีสามารถขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เพื่อทำการดาวน์ด้วยเงินจำนวนหนึ่ง และชำระส่วนที่เหลือเป็นงวดๆ ไปโดยไม่จำเป็นต้องชำระเต็มเป็นเงินก้อนในรอบเดียว

        สำหรับสินเชื่อรถยนต์ประเภทนี้ จำเป็นจะต้องทำสัญญาซื้อ-ขายรถยนต์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เช่น โชว์รูมรถ หรือเต็นท์รถมือสอง โดยมีสถาบันทางการเงิน หรือไฟแนนซ์ ลีสซิ่งเป็นคนกลางในการชำระค่ารถยนต์เป็นจำนวนเต็มแทนผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อจะต้องทำการผ่อนชำระเงินกู้ผ่านทางสถาบันทางการเงิน หรือไฟแนนซ์ ลีสซิ่งนั้นให้ครบถ้วนตามจำนวนที่กำหนดตามที่มีระบุไว้ในสัญญา จึงจะได้กรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของรถยนต์มาเป็นของเราเมื่อชำระสินเชื่อรถยนต์ครบถ้วนตามจำนวนงวดทั้งหมดแล้ว

สินเชื่อไฟแนนซ์

        สินเชื่อรถยนต์ไฟแนนซ์นี้มีความแตกต่างจากสินเชื่อรถยนต์ประเภทแรก เพราะสินเชื่อประเภทนี้เป็นสินเชื่อสำหรับคนที่มีรถยนต์อยู่แล้ว และมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงิน มีความต้องการเงินสด เงินด่วนเพื่อรับมือในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายแบบฉุกเฉิน เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือมีความต้องการใช้เงินก้อนเพื่อทำการขยับขยายธุรกิจเพิ่มเติม

        สินเชื่อประเภทไฟแนนซ์เป็นการนำรถยนต์ที่เรามีไปจำนองกับบริษัทไฟแนนซ์ สถาบันทางการเงิน หรือผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ เพื่อใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเพื่อทำเรื่องกู้ยืมเงินสด หลังจากนั้นเราสามารถทำการผ่อนชำระเงินสินเชื่อที่ได้รับไว้เป็นงวดๆ กับสถาบันทางการเงิน หรือผู้ให้บริการตามที่ได้ทำสัญญาไว้ ซึ่งโดยทั่วไปรถยนต์จำเป็นจะต้องมีสภาพปลอดหนี้ เรียกว่าทำการผ่อนหมดแล้ว หรือในบางไฟแนนซ์ก็สามารถทำการยื่นกู้ได้สำหรับรถยนต์ที่ยังคงค้างหนี้ และมีการชำระหนี้ได้เกินครึ่งหนึ่งของยอดหนี้ทั้งหมด เพื่อทำการปิดหนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยมีการพิจารณาจำนวนเงินกู้จากสภาพของรถยนต์ ยี่ห้อ รุ่น จำนวนปี รวมถึงการพิจารณาในจุดอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้รถยนต์แต่ละคันได้จำนวนยอดเงินกู้ที่แตกต่างกัน สำหรับการขอสินเชื่อรถยนต์ประเภทนี้สามารถช่วยให้เราจัดการกับความต้องการต่างๆ อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย เนื่องจากมีรถยนต์เป็นทรัพย์สินในการค้ำประกัน นอกจากนี้ยังให้ผู้กู้เกิดความคล่องตัวทางการเงินได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

การคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อรถยนต์เป็นอย่างไร

        ดอกเบี้ยของสินเชื่อรถยนต์เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate)  มีการกำหนดไว้ตายตัวไว้เมื่อเริ่มสัญญา ไม่มีการขยับขึ้น หรือลดลงตามอายุของสัญญากู้ และจะคงที่ตามจำนวนเดิมคงที่ไปตลอดอายุของสัญญา ซึ่งไม่ว่าจะชำระเงินต้นให้ลดลงแค่ไหน จำนวนดอกเบี้ยจะยังคงเป็นอัตราเดิมตามที่ได้มีการกำหนดไว้ตั้งแต่แรก

        ดอกเบี้ยแบบคงที่เป็นดอกเบี้ยที่มีความแน่นอน และมีความน่าเชื่อถือ สำหรับคนที่ทำการผ่อนชำระจะสามารถคาดเดาจำนวนดอกเบี้ยได้อย่าวแน่นอน โดยไม่จำเป็นต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ในอนาคต และยังสามารถช่วยให้ผู้ที่ผ่อนชำระสามารถทำการวางแผนทางการเงินในการผ่อนชำระได้อย่างเป็นระเบียบได้มากยิ่งขึ้น

ดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ แตกต่างจากดอกเบี้ยสินเชื่อเงินสด หรือสินเชื่อบ้านอย่างไร

        ดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์จะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่มีการกำหนดไว้ตายตัว จะมีการคำนวณตั้งแต่เริ่มต้นของการทำสัญญา และจะคงที่ไปตลอดจนหมดอายุสัญญา หรือเมื่อทำการผ่อนชำระเสร็จสิ้นนั่นเอง ดังนั้นสำหรับดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ไม่ว่าจะทำการผ่อนชำระให้เงินต้นมีจำนวนที่ลดลงมากแค่ไหน ดอกเบี้ยของสินเชื่อรถยนต์ก็จะไม่ลดลงตามเวลาการชำระที่ผ่านไป

        แต่สำหรับดอกเบี้ยสินเชื่อเงินสด และสินเชื่อบ้านอาจมีอัตราดอกเบี้ยที่แปรผันตามตลาด และเงื่อนไขทางการเงิน ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามเงื่อนไขที่มีการกำหนดไว้ในสัญญา ดังนั้นสินเชื่อประเภทนี้จำเป็นจะต้องมีการตัดสินใจเป็นอย่างดีก่อนการทำสัญญากู้ยืม

        ดังนั้นจึงสรุปแบบสั้นๆ ได้ว่าดอกเบี้ยของสินเชื่อรถยนต์เป็นสินเชื่อแบบคงที่ ตั้งแต่ต้นจนจบสัญญา มีความแตกต่างกับสินเชื่อประเภทเงินสด และสินเชื่อบ้านที่จะเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยตามที่มีระบุไว้ในสัญญา

 

ขอสินเชื่อรถยนต์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร

ศึกษาข้อมูล และเปรียบเทียบสถาบันทางการเงินที่สนใจ

        ก่อนจะทำการขอสินเชื่อรถยนต์ ควรมีการวิเคราะห์ความต้องการของจำนวนเงิน และระยะเวลาในการผ่อนชำระเป็นอย่างดี ที่มีผลต่อการผ่อนชำระในรายเดือนว่ามีความสามารถในการผ่อนชำระมากน้อยแค่ไหน เมื่อทำการวางแผนทางการเงิน และตัดสินใจเรื่องจำนวนเงินได้เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถทำการเปรียบเทียบสถาบันทางการเงิน เพื่อทำการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่มีความเหมาะสม คุ้มค่าที่สุดรวมไปถึงการศึกษาทำความเข้าใจเรื่องค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจจะมองข้าม และสร้างความเดือดร้อนในขั้นตอนการชำระ และอาจทำให้เราต้องชำระเพิ่ม หรือโดนค่าปรับ ในขั้นตอนนี้ หากมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา ไม่ควรลังเลที่จะติดต่อขอข้อมูลที่ต้องการ เพื่อทำการเปรียบเทียบให้ได้อัตราดอกเบี้ย และเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด

รีบเคลียร์ค่างวด และปิดหนี้ให้เร็วที่สุด

        เมื่อเข้าสู่กระบวนการชำระหนี้แล้ว ควรทำการเคลียร์ค่างวดไม่ให้ตกค้าง หรือมีการค้างจ่ายขึ้นหลายงวดติดๆ กัน เนื่องจากจะยิ่งทำให้เกิดภาระหนี้สินเพิ่มพูน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจนอาจไม่สามารถทำการเคลียร์หนี้ให้หมดได้ และถ้าหากมีเงินสำรอง หรือเงินส่วนเกินที่สามารถนำมาชำระค่าหนี้ล่วงหน้าได้ สามารถติดต่อทางสถาบันทางการเงิน หรือไฟแนนซ์ที่ทำการขอสินเชื่อเพื่อทำการชำระค่างวดล่วงหน้า เพื่อทำการปิดหนี้ได้ ซึ่งการรีบเคลียร์ค่างวดให้จบให้เร็วที่สุด นอกจากจะช่วยปลดภาระหนี้ และค่าใช้จ่ายรายเดือนลงไปได้แล้ว รถยนต์ที่ทำการเคลียร์ค่างวดได้เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะได้ถูกโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นคนของเราได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

ไม่สร้างหนี้เพิ่ม จนเกินความสามารถในการผ่อน

        การสร้างหนี้เพิ่มในช่วงที่ยังมีการผ่อนชำระสามารถทำได้ แต่ควรมีการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ในแต่ละเดือน และจนจบปิดหนี้ว่าเรามีความสามารถมากพอหรือไม่ ทำการประเมินไปจนถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าที่มีโอกาสเกิดขึ้นก็จะช่วยทำการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น หากมีภาระหนี้สิน โดยทั่วไปถ้าหากมีการขอสินเชื่ออื่นเพิ่มเติมขึ้นหลังจากการขอสินเชื่อรถยนต์ไปแล้ว หากสถาบันทางการเงินพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระของตัวคุณว่าสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนบ้าน หรือคอนโดก็ยังสามารถทำได้เช่นกัน โดยทางสถาบันทางการเงินจะทำการพิจารณาจากประวัติเครดิตบูโร รวมไปถึงแหล่งที่มาของรายได้ของคุณ แต่สำหรับคนที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะมีความสามารถในการผ่อนชำระได้หรือไม่ เช่นอาจยังมีการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตที่ค้างอยู่ หรือมีสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ ก็สามารถเข้าไปขอคำปรึกษากับสถาบันทางเงินเพื่อทำการวางแผนก่อนได้

 

ประกันรถยนต์ชั้น 1 เริ่มต้นเพียง 750

 

ขอสินเชื่อรถยนต์ต้องทำอย่างไร?

ขอสินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน กับ SILKSPAN ต้องทำอย่างไร

ขอสินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน กับ SILKSPAN ต้องทำอย่างไร

“ทำได้ง่ายๆ แค่ 3 ขั้น”

1.ระบุข้อมูลรถและผู้สมัคร  >>  2.เลือกค่างวดและวงเงิน  >>  3.สมัคร

สมัครได้เลยที่ https://www.silkspan.com/online/car-loan/ngerntidlor/

ขอสินเชื่อรถยนต์ กับ SILKSPAN มีข้อดีอย่างไร

1.ได้วงเงินสูงการกู้ที่สูง 

2.อนุมัติง่าย อนุมัติไว รับเงินเร็ว ไม่ต้องรอนาน

3.ไม่ต้องมีคนค้ำ คนเดียวก็กู้ได้

4.รถผ่อนอยู่ก็กู้ได้ ผ่อนเกินครึ่งแล้วสามารถสมัครได้

คุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อรถยนต์

1.มีอายุตั้งแต่ 20-65 ปี

2.ประกอบอาชีพพนักงานประจำ รับจ้างทั่วไป ธุรกิจส่วนตัว

3.ถ้าเป็นนิติบุคคล กิจการต้องมีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป

4.มีรถเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ หรือรถบรรทุก ที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี

 

สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน แบบไม่โอนเล่ม และแบบจำนำทะเบียนแตกต่างอย่างไร?

สินเชื่อรถยนต์แบบโอนเล่ม 

        เป็นการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้เป็นของทางธนาคาร เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ไม่มีภาระหนี้ ผ่อนหมดแล้ว ปลอดหนี้แล้ว จะมีวงเงินกู้ที่สูงกว่า และมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

สินเชื่อรถยนต์แบบจำนำทะเบียน

        เป็นการขอสินเชื่อรถยนต์แบบที่สามารถนำเล่มทะเบียนรถยนต์มาเป็นหลักประกันสินเชื่อ โดยไม่ต้องเสียค่าโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของทางสถาบันทางการเงิน

ตารางเปรียบเทียบสินเชื่อทั้ง 2 แบบ

รายละเอียด โอนทะเบียน จำนำทะเบียน
จำนวนที่กู้ได้สูงสุด 120% (ของราคาประเมินรถ) 100% (ของราคาประเมินรถ)
รูปแบบของสัญญา สัญญาเช่าซื้อ สัญญาเงินกู้
ดอกเบี้ย เริ่มต้น 0.38% ต่อเดือน เริ่มต้นที่ 0.88% ต่อเดือน
ค่าอากร ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคาร ไม่มี
ค่าเบี้ยประกันรถ มี ไม่มี
จำนวนการผ่อน สูงสุด 84 งวด สูงสุด 60 งวด
อายุรถ ไม่เกิน 16 ปี ไม่เกิน 16 ปี

 

สรุปแล้วสินเชื่อรถยนต์แต่ละแบบเหมาะสำหรับใคร?

สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เหมาะสำหรับใคร

1.คนที่อยากมีรถยนต์คันใหม่ แต่เงินก้อนไม่พอ

2.สถาบันทางการเงินชำระให้ก่อน แล้วเราค่อยผ่อนกับทางสถาบันทางการเงิน

3.กรรมสิทธิ์ของรถยนต์อยู่ในข้อตกลง โดยส่วนใหญ่จะมีการโอนจากสถาบันทางการเงินมาเป็นของผู้ซื้อหลังจากทำการผ่อนชำระจนครบแล้ว

สินเชื่อไฟแนนซ์เหมาะสำหรับใคร

1.คนที่มีความต้องการใช้เงินก้อน

2.การใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน อาจติดไฟแนนซ์ หรือไม่ติดตามเงื่อนไขของสัญญา

3.จำนวนเงินที่สามารถกู้ยืมได้ขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพของรถ อายุการใช้งาน และมีโอกาสได้น้อยกว่าจำนวนที่ขอไป

4.มีให้เลือกทั้งแบบโอนทะเบียนที่เป็นสัญญาเช่าซื้อ และแบบจำนำทะเบียนที่เป็นสัญญาเงินกู้ ทั้งสองแบบมีจำนวนวงเงินกู้ และดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน

 


เขียนโดย : Ecomoney
เผยแพร่วันที่ : 26/07/2023
โปรโมชั่นแนะนำ
“เช็กเบี้ยประกันรถ เซฟกว่าเดิม 30%”

กำลังโหลด