
น้ำหอมรถยนต์ ตัวช่วยเพิ่มความหอมในรถ ที่ “อันตราย” ไม่น้อย

น้ำหอมรถยนต์ หนึ่งในองค์ประกอบที่อยู่บนรถยนต์ของใครหลายคน ด้วยความที่เข้าใจว่าการมีน้ำหอมติดรถนั้นช่วยเพิ่มความหอม สดชื่น และขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนรถได้ แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากกลิ่นหอมของน้ำหอมแล้ว ยังมีอันตรายอาจแฝงมากับน้ำหอมที่ใช้บนรถยนต์ของคุณด้วย ถ้าคุณยังไม่เคยใช้น้ำหอมบนรถมาก่อน และกำลังพิจารณาสั่งซื้ออยู่ ขอให้ลองอ่านบทความนี้ก่อนตัดสินใจดูก่อน
น้ำหอมรถยนต์ หอมจริง แต่อาจทำร้ายสุขภาพ
ขึ้นชื่อว่าเป็น น้ำหอมรถยนต์ แน่นอนว่าสรรพคุณของมันก็คือการเพิ่มความหอมให้กับห้องโดยสารบนรถของคุณได้จริง แต่สิ่งที่มาพร้อมความหอม บางครั้งมันอาจนำไปสู่อันตรายในการขับขี่ และส่งผลเสียต่อปัญหาสุขภาพได้เช่นกัน
น้ำหอมติดรถคืออะไร? ทำไมคนชอบใช้
น้ำหอมติดรถยนต์ คือ น้ำหอมแบบหอมระเหยที่ใช้อุปกรณ์บางชนิดในการกระจายกลิ่น ซึ่งบางประเภทเป็นน้ำหอมที่ต้องติดไว้กับระบบปรับอากาศ เพื่อให้เกิดการกระจายกลิ่นในรูปแบบละอองขนาดเล็กและละเอียด ทำให้เกิดกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณภายในรถ ส่วนประเภทของอุปกรณ์กระจายกลิ่นนั้นก็มีหลากหลาย ทั้งรูปแบบระบบไฟฟ้า กระจายกลิ่นด้วยแรงลมจากแอร์รถยนต์ และแบบแผ่นกระจายกลิ่น
กลิ่นหอมในรถ ดีต่อใจแต่อาจไม่ดีต่อร่างกาย
แม้ว่าจะส่งกลิ่นหอม ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการขับขี่ แต่น้ำหอมรถยนต์ อาจไม่ได้มีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียว เพราะอาจมีข้อเสียต่อร่างกายในหลายด้าน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ละอองฝอยที่ฟุ้งกระจายอาจทำให้เกิดอาการแพ้ แสบจมูก หรือหายใจลำบากได้เหมือนกัน
สารเคมีในน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ ที่ควรระวัง
น้ำหอมติดรถยนต์ โดยส่วนใหญ่แล้วผลิตจาก การบูรและพิมเสน ที่นำมาผสมกับสารเคมีที่ให้กลิ่นหอมอีกหลายชนิด เมื่อมีการกระจายจากอุปกรณ์กระจายกลิ่น ก็จะไปเกาะตามระบบปรับอากาศ เช่น กรองแอร์ ทำให้ระบบแอร์มีปัญหา แอร์ตัน ไม่เย็น นอกจากนี้บางคนอาจรู้สึกแสบตาและเวียนหัว ได้

อาการผิดปกติที่อาจเกิดจากการใช้น้ำหอมในรถ
สารเคมีในน้ำหอมติดรถยนต์นั้นส่งผลต่อความผิดปกติต่อร่างกายได้ในหลายด้าน เรียกว่าอันตรายมากกว่าที่หลายคนเข้าใจ เพราะไม่ใช่แค่ระบบปรับอากาศที่มีปัญหา แต่ยังมีผลเสียต่อร่างกายในระบบทางเดินหายใจโดยตรง เช่น อาการระคายเคืองตา แสบจมูก คัดจมูก เนื่องจากกลิ่นฉุนและสารเคมีบางชนิด ขณะที่บางคนอาจมีอาการแพ้จากสารเคมีทำให้รู้สึกอยากอาเจียน และเวียนศีรษะ เนื่องจากส่วนผสมของพิมเสนในน้ำหอมรถยนต์บางชนิด ถูกแปรเปลี่ยนเป็นสารพิษอย่างอ่อน ๆ เมื่ออยู่ท่ามกลางอุณหภูมิที่มีความร้อนสูง
น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์แบบไหนอันตรายน้อยกว่า
การใช้น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ไม่ใช่เรื่องผิด หรือเลวร้ายซะทีเดียว เพราะการเลือกใช้ให้เหมาะสม และเลือกโดยพิจารณาจากส่วนผสม หรือประเภท ก็มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพได้ ตามรายละเอียดต่อไปนี้
เปรียบเทียบระหว่างน้ำหอมแบบแขวน เจล สเปรย์ และอโรมา
น้ำหอมติดรถยนต์ในปัจจุบันมีให้เลือกหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- น้ำหอมแบบอโรมา : น้ำหอมที่ใช้เสียบช่องแอร์ เพื่อให้แรงลมจากแอร์ช่วยกระจายกลิ่นหอม ข้อดีคือกลิ่นหอมกระจายได้ค่อนข้างทั่วบริเวณ และมีขนาดเล็ก แต่อาจต้องพิจารณาจากขนาดที่เหมาะสม เพราะบางรุ่นไม่สามารถติดกับช่องแอร์ได้
- น้ำหอมแบบเจล : น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์แบบเจล มีข้อดีคือกลิ่นค่อนข้างชัด สามารถเลือกวางได้หลายจุด แต่ข้อเสียคืออากาศร้อนอาจทำให้เจลสลายตัวเร็วทำให้กลิ่นจางหายได้เร็ว
- น้ำหอมแบบสเปรย์ : น้ำหอมรถยนต์ที่ใช้ง่าย ไม่ต้องติดกับแอร์ เพราะสามารถฉีดพ่นให้ได้กลิ่นหอมตามความต้องการ และมีกลิ่นให้เลือกเยอะ แต่ข้อเสียคือกลิ่นจางเร็ว
- น้ำหอมแบบแขวน : น้ำหอมสำหรับแขวนในรถมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องใช้พื้นรถ เพราะสามารถแขวนได้ตามจุดที่ต้องการ และสามารถให้กลิ่นหอมได้นานตลอดเวลาแม้ไม่เปิดแอร์ แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของระยะเวลาความหอมของกลิ่น ที่ขึ้นอยู่กับงบประมาณและแบรนด์
เลือกน้ำหอมใส่รถยนต์อย่างไรให้ปลอดภัยกับทุกคนในรถ
การเลือกใช้น้ำหอมใส่รถยนต์ หากเลือกให้ดี ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดผลเสียกับร่างกายได้ ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอมที่มีส่วนผสมของสารระเหยอย่างการบูร และพิมเสน ซึ่งมีผลต่ออาการแพ้ได้เมื่ออยู่ในอุณหภูมิสูง และไม่ควรเลือกน้ำหอมรถยนต์ที่มีกลิ่นฉุนเกินไปเพราะอาจทำให้รู้สึกปวดหัวได้ ที่สำคัญคือควรเลือกใช้น้ำหอมที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในรถยนต์โดยเฉพาะ และต้องไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย
กลิ่นธรรมชาติหรือกลิ่นสังเคราะห์ แบบไหนเสี่ยงน้อยกว่า
หากจำเป็นต้องใช้น้ำหอมรถยนต์ แนะนำให้เลือกใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นธรรมชาติแทนกลิ่นสังเคราะห์จะดีกว่า โดยเฉพาะกลิ่นจากสมุนไพร เช่น ลาเวนเดอร์, ยูคาลิปตัส หรือมินต์ หรือใช้กลิ่นธรรมชาติตามฤดูกาล เช่น กลิ่นส้มสำหรับใช้ในช่วงหน้าร้อน และกลิ่นไม้ซีดาร์สำหรับใช้ในช่วงหน้าหนาว
ทางเลือกอื่นแทนน้ำหอมติดรถที่หอมและปลอดภัยกว่า
สำหรับคนที่ไม่ถนัดใช้น้ำหอมรถยนต์จริง ๆ ก็ยังมีวิธีเพิ่มความหอมภายในห้องโดยสารได้อีกหลายวิธีที่ปลอดภัย และลดกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ได้ ดังนี้
ถ่านดูดกลิ่น เบกกิ้งโซดา หรือสมุนไพรอบแห้ง
วิธีแรกคือการใช้ถ่านดูดกลิ่น โดยวางไว้ในรถในช่วงที่ไม่ได้ขับขี่จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้น้อยลงได้ หรือใช้เบกกิ้งโซดาช่วยกำจัดกลิ่นอับ แต่ถ้าหากว่าต้องใช้รถเป็นประจำ แนะนำให้ใช้สมุนไพรอบแห้ง เช่น ตะไคร้, ใบมะกรูด หรือใบเตย ก็เป็นวิธีช่วยลดกลิ่นในรถได้เช่นกัน
การทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำ
นอกจากการใช้กลิ่นหอมหรือตัวช่วยดูดกลิ่นแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดบนรถก็เป็นวิธีที่ช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกซึ่งเป็นต้นตอของกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน แต่การทำความสะอาดควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
เปิดกระจกให้อากาศถ่ายเทบ่อยๆ
หากพบว่ามีกลิ่นอับ แนะนำให้เปิดกระจกเพื่อถ่ายเทอากาศ ควรทำเป็นประจำ อย่างน้อยในช่วงเช้าของการใช้รถ จะช่วยให้อากาศถ่ายเท ลดปัญหากลิ่นอับชื้นได้
สรุปว่าควรใช้หรือเลี่ยงน้ำหอมรถยนต์ดี?
แม้น้ำหอมรถยนต์จะช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีในรถ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสมอไป เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ หากใช้ไม่เหมาะสม แต่ถ้าไม่สามารถกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้จริง ๆ แนะนำให้เลือกใช้แบบเจล หรือน้ำหอมปรับอากาศแบบสเปรย์ ซึ่งช่วยกระจายกลิ่นได้ดี และควบคุมปริมาณการใช้ได้มากกว่ารูปแบบอื่น ๆ แต่หากใช้น้ำหอมในรถแล้วพบว่ามีอาการแพ้ หายใจลำบากควรหลีกเลี่ยงการใช้ในทันที