เบี้ยดีโดนใจ ประกันภัยชั้น 1 เบี้ยเริ่ม 750 บาท/เดือน พิเศษรับส่วนลดสูงสุด 30% เช็กเบี้ยที่นี่ กับ SILKSPAN

Work Life Balance มีอยู่จริงไหม ? ควรจัดสรรอย่างไรให้ชีวิตการทำงาน


Work Life Balance มีอยู่จริงเหรอ

คุณรู้หรือไม่ ? เคยมีการเก็บสถิติเอาไว้ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศ ที่มีคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับ “การทำงานหนัก” ติดอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ยังไม่รวมกับการทำงานล่วงเวลา ที่เป็นเรื่องปกติของผู้ที่ทำงานในเมืองกรุง แล้วแนวคิด Work Life Balance ที่แปลว่า “ชีวิตการทำงานที่สมดุล” จะมีอยู่จริงไหม ? ทำไมหลายต่อหลายคนที่กล่าวเอาไว้ว่า Work Life Balance ไม่มีจริง ลองมาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กันในเนื้อหาต่อจากนี้


ความหมายของ Work Life Balance คืออะไร ?

Work Life Balance คือการสร้าง “สมดุล” ระหว่างชีวิตและหน้าที่การงาน เชื่อว่าเราทุกคนอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ก็มีหลายคนที่มุ่งมั่นกับการทำงานจนเกินไป จนทำให้ความสุขของการใช้ชีวิตลดน้อยลง รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อคนใกล้ตัวอีกด้วย “เวิร์คไลฟ์บาลานซ์” จึงเป็นแนวคิดที่จะหาจุดตรงกลางระหว่างการทำงาน ร่วมกับการใช้ชีวิตไปพร้อม ๆ กัน มีเวลาดูแลสุขภาพ มีเวลาให้กับครอบครัว และที่สำคัญคือเวลาในการพักผ่อนที่เพียงพอ


ทำไมหลายคนบอกว่า Work Life Balance ไม่มีจริง ?

แม้จะมีคนที่พิสูจน์ได้จริงว่า แนวคิด “เวิร์คไลฟ์บาลานซ์” เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคนวัยทำงานในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีหลาย ๆ คนที่ยังเชื่อว่า Work Life Balance ไม่มีจริง ! และมองว่า Work “ไร้” Balance เสียมากกว่า แนวคิดนี้จึงยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ เพราะหลายคนก็ยังมองว่า คนที่จะสามารถ Work Life Balance ได้ จะต้องเป็นคนที่มีพร้อมทุกอย่างแล้วเท่านั้น และยังมีคนที่มองว่าหนทางความสำเร็จในทุกวันนี้ คือการทำงานให้หนักเข้าไว้ ต้องทำงานให้มากกว่าคนอื่นถึงจะประสบความสำเร็จ


ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Work Life Balance

Work Life Balance

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานในปัจจุบัน ไม่ใช่ใครก็สามารถสร้าง Work Life Balance ได้ เพราะในสถานการณ์จริง มีปัจจัยหลายต่อหลายอย่าง ที่ทำให้ผู้ทำงานต้องรู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ จนหาสมดุลของการใช้ชีวิตไม่ได้ และนี่คือปัจจัยที่พบได้บ่อยที่สุดซึ่งส่งผลให้คนวัยทำงานหลายคนต้องเผชิญกับสถานการณ์ Work ไร้ Balance

การวางแผนการทำงาน และการจัดลำดับความสำคัญ

เพราะคนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน คนที่บริหารเวลาได้ดีที่สุด จึงมักจะเป็นผู้ที่สามารถเข้าใกล้คำว่า Work Life Balance ได้มากที่สุด การวางแผนการทำงานไม่ใช่แค่การกำหนดว่า ในแต่ละวัน “ฉันจะต้องทำอะไรบ้าง” แต่คือการมุ่งมั่นว่า “ควรทุ่มเวลาให้กับสิ่งไหน” ควรมีการวางแผนว่า สิ่งไหนจัดการได้ก่อน สิ่งไหนจัดการทีหลัง จัดลำดับการทำงานให้ดี อย่าปล่อยให้มีดินพอกหางหมู ซึ่งงานที่พอกเอาไว้จะกลายเป็นปัญหา ที่คุณต้องมาแก้ไขหลังเวลางานนั่นเอง

เพื่อนร่วมงานและวัฒนธรรมองค์กรมีผลยังไงต่อ Balance ชีวิต

แม้คุณจะทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ชีวิตการทำงานก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เพราะ “วัฒนธรรมองค์กร” ของหลาย ๆ ที่อาจไม่เปิดกว้างนัก ตัวอย่างเช่น หาก “ผู้ใหญ่ในที่ทำงาน” ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานยังไม่ลุกจากโต๊ะกลับบ้าน การที่คุณลุกออกมาก่อนอาจถูกมองว่า “ไม่เอาไหน” ได้ทันที

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหัวหน้างานบางคนที่มักสั่งงานนอกเวลา โดยไม่คำนึงถึงเวลาส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ “Work Life Balance” กลายเป็นเรื่องยากจนน่าปวดหัว

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ การทำงานที่ดีที่ทำให้ชีวิตเสียสมดุล

อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้น ว่าหลายคนมีแนวคิดที่ว่า การทำงานที่ดี = การทำงานที่หนัก และคิดว่าการทุ่มเทชีวิตจิตใจกับการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จะทำให้องค์กรตอบแทนคุณอย่างสมน้ำสมเนื้อ ก็เป็นเรื่องจริงที่หลาย ๆ องค์กร ตอบแทนบุคลากรที่ทุ่มเทให้องค์กรอย่างคุ้มค่า แต่ก็มีหลายองค์กรมากกว่า ที่ไม่ได้แคร์บุคลากรมากขนาดนั้น วันหนึ่งที่คุณล้มป่วยขึ้นมา องค์กรก็แค่มองหาคนใหม่มาแทนที่คุณเท่านั้นเอง


 

ให้ประกันรถคุ้มครองทุกการเดินทาง ผ่อนประกันรถชั้น 1 0% ที่ SILKSPAN


วิธีสร้าง Work Life Balance แบบที่เป็นจริงได้

การที่จะสร้าง Work Life Balance ให้เกิดขึ้นได้นั้น ต้องเริ่มจากการทำจัดการให้ได้ เกี่ยวกับ Work and Balance เสียก่อน “หน้าที่การงาน” และ “ความสมดุล” ควรเป็นสิ่งที่ต้องเดินไปคู่กัน ไม่ควรสุดโต่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ต่อจากนี้เป็นวิธีการสร้างเวิร์คไลฟ์บาลานซ์แบบเริ่มต้น และเกิดขึ้นได้จริงได้ง่ายที่สุด ไปดูกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

เริ่มจากการวางแผนการทำงานอย่างมีเป้าหมาย

การทำงานที่ดี คือการทำงานให้สำเร็จลุล่วง ไม่ใช่การทำงานให้ตนเองดูวุ่นวายตลอดทั้งวัน คุณควรจัดการงานในแต่ละวันอย่างมีเป้าหมาย จัดสรรเวลาให้ดี จัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำในแต่ละวัน เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะดูเป็นคนที่ “ทำงานเก่ง” หรือไม่ ปริมาณของงานไม่สำคัญเท่ากับผลลัพธ์ที่ได้

สื่อสารกับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานให้เข้าใจ

สำหรับบางองค์มักจะมีวัฒนธรรมองค์กรที่ผิด ๆ เช่น ห้ามกลับบ้านก่อนหัวหน้า , ห้ามปฏิเสธเวลาหัวหน้าชวนไปกินเลี้ยง หรือ ต้องสแตนด์บายคอยตอบไลน์หัวหน้าตลอดเวลา การจะมีเวิร์คไลฟ์บาลานซ์ได้นั้น คุณต้องมี “ช่วงเวลาทำงาน” ที่ชัดเจน และควรสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานให้เข้าใจ ถึงเหตุผลของคุณที่อาจขัดต่อวัฒนธรรมองค์กร

รู้จักพัก รู้จักปฏิเสธ และจัดเวลาส่วนตัวให้ได้ใช้จริง

การกล้าที่จะ “ปฏิเสธ” เป็นกุญแจสำคัญของชีวิตการทำงานที่ดี ไม่ปฏิเสธงานในช่วงที่ล่วงเลยเวลาทำงานมาแล้ว ถ้าคิดตามหลักความเป็นจริง นั่นไม่ได้ทำให้คุณดูเป็นคนไม่รับผิดชอบแต่อย่างใด อย่าตกอยู่ในหลุมพรางของการทำเพื่อเอาใจหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน เมื่อถึงเวลาพักนั่นเท่ากับว่าคุณควรได้รับสิทธิ์ที่จะพักผ่อนจริง ๆ


บทส่งท้าย – Work Life Balance ควรเริ่มจากมุมมองของตัวเราเอง

สุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณจะเชื่อใน Work Life Balance หรือไม่ ? ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคุณ การทำงานหนักเพื่อความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องผิด และการที่อยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นเดียวกัน จะดีกว่าไหมหากเราสามารถเลือกตรงกลาง ระหว่าง “ความมั่นคง” และ “ชีวิตที่เป็นสุข” เริ่มต้นจากการเลิกนำเอาความสำเร็จของผู้อื่น มาเป็นตัวกำหนดเป้าหมายของตนเอง และมองหาสิ่งที่สำคัญกับตัวเราจริง ๆ ความต้องการจริง ๆ ที่ไม่ได้เกิดจากความกดดันจากสังคมโดยรอบ เท่านี้คุณก็มีความสุขกับการทำงานในทุก ๆ วันได้แล้ว


เขียนโดย : SILKSPAN ADVISOR
เผยแพร่วันที่ : 24/07/2025
รับข้อเสนอพิเศษ

จองสิทธิ์ประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ รับส่วนลดสูงสุด 30% กว่า 20 บริษัทชั้นนำ

  1. ต่ออายุล่วงหน้า รับส่วนลดเพิ่ม สูงสุดกว่า 500 บาท
  2. ผ่อนบัตรเครดิต ผ่อนเงินสด ได้สูงสุด 10 เดือน
  3. ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
  4. ฟรีรถใช้ระหว่างซ่อม หรือ เบิกค่าเดินทาง 1,000 บาท

กรอกข้อมูล เพื่อ “รับข้อเสนอพิเศษ” ต่อประกันรถยนต์

taff-call
“เช็คเบี้ยประกันรถฟรี 24 ชม.”
line

กำลังโหลด