
6 วิธี ห้ามใจไม่ให้ใช้บัตรเครดิตเกินตัว

สำหรับผู้ใช้งานบัตรเครดิตเคยมีบางครั้งที่มีความรู้สึกว่าเรากำลังใช้จ่ายบัตรเครดิตเกินตัวกันอยู่หรือไม่ บางครั้งก็มีสิ่งที่อยากได้พร้อมกันหลายอย่าง และก็อาจมีเหตุจำเป็นที่จะต้องใช้งานบัตรเครดิตพ่วงเข้ามาด้วย ก็ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากในการชำระบัตรเครดิต จนอาจเกือบชำระไม่ทัน หรืออาจชำระไม่ครบกันเลยทีเดียว วันนี้จึงขอนำเสนอวิธีห้ามใจไม่ให้ใช้บัตรเครดิตเกินตัว และวิธีรับมืออย่างถูกต้อง
1.เลือกซื้อสินค้า หรือบริการเท่าที่จำเป็น
การเลือกใช้บัตรเครดิตซื้อแค่เฉพาะสินค้า หรือบริการเท่าที่จำเป็นเป็นวิธีการแรกที่สำคัญสำหรับการหักห้ามใจไม่ให้เกิดการใช้จ่ายจนเกินตัว หากเรามีการวางแผนการใช้งานบัตรเครดิต และใช้งานบัตรเครดิตเป็นไปตามแผน และตามความจำเป็นก็จะไม่ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อน
หลากหลายผู้ใช้งานคิดว่าการรูดซื้อสินค้าที่อยากได้ด้วยบัตรเครดิตเป็นวิธีการใช้งานที่ดีที่สุด แต่การใช้งานบัตรเครดิตก็เปรียบเสมือนการยืมเงินล่วงหน้ามาใช้ ถ้าหากเราใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และไม่มีการวางแผนก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องหนี้สินขึ้นในอนาคต และถ้าหากเกิดเหตุจำเป็นในการใช้เงิน หรือใช้บัตรเครดิต เราก็จะไม่มีแหล่งเงินสำรองตรงนี้ไว้สำหรับใช้งาน
2.อย่าหลงไปกับโปรโมชันพิเศษสำหรับบัตรเครดิตจนมากเกินไป
บัตรเครดิตของแต่ละผู้ให้บริการมักจะออกโปรโมชันดึงดูดใจสำหรับนักช้อป เช่น การมอบส่วนลด 5-10% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เข้าร่วม อาจได้รับแต้มสะสมพิเศษ หรือ Cash Back ที่สูงเป็นพิเศษเมื่อใช้จ่ายกับร้านค้า และบริการที่มีโปรโมชัน
โปรโมชันเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการใช้งานบัตรเครดิต แต่เราเองก็ควรต้องตั้งสติก่อนการใช้งานทุกครั้ง ในบางครั้งเราอาจโดนโปรโมชันเหล่านี้หลอกล่อให้เราเกิดการใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น เราอาจไม่ได้อยากได้สินค้าชิ้นนั้น หรือไม่ได้มีความจำเป็นขนาดนั้น แต่เราอาจรู้สึกว่าโปรโมชันเหล่านี้ดูแสนจะคุ้มค่าเหลือเกิน
ดังนั้นก่อนการใช้งานบัตรเครดิตกับโปรโมชันกระตุ้นยอดขายให้ถามตัวเองอยู่เสมอว่าสินค้า หรือบริการชิ้นนั้นมีความสำคัญ หรือจำเป็นมากน้อยเพียงใด
3.หักเงินขึ้นมาเก็บไว้ล่วงหน้าก่อนการรูดซื้อสินค้า
วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ใครหลายคนอาจใช้อยู่ คือ วิธีการคำนวณยอดค่าใช้จ่ายคร่าวๆ และทำการแยกเก็บเงินส่วนนั้นไว้ในอีกบัญชี เพื่อสำหรับการจ่ายค่าบัตรเครดิตเมื่อครบวันตัดรอบ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีการที่ง่าย และเป็นวิธีการที่ป้องกันไม่ให้เราเกิดการใช้จ่ายจนเกินตัวจนไม่มีเงินสดที่จะมาชำระบัตรเครดิตได้

4.จำกัดวงเงินการรูดซื้อสินค้า
โดยปกติสำหรับบัตรเครดิตมักจะมีวงเงินมากกว่าเงินเดือนของเรา 1.5 เท่าขึ้นไป นั่นก็แปลว่า เรามีสิทธิ์ที่จะสร้างหนี้บัตรเครดิตในจำนวนที่มากกว่าเงินเดือนที่เราได้รับในแต่ละเดือน ถ้าหากเราเกิดการรูดซื้อสินค้า หรือบริการเต็มจำนวน ก็แปลว่าการมีเงินเดือนทั้งเดือนมาจ่ายก็ไม่สามารถเคลียร์หนี้ที่เกิดขึ้นได้ให้หมดอย่างแน่นอน
การจำกัดวงเงินการรูดซื้อสินค้าก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการควบคุมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพื่อไม่ให้เกิดการใช้จ่ายที่เกินตัวจนมากเกินไป เช่น หากเรามีวงเงินบัตรเครดิต 25,000 บาท และมีความสามารถในการชำระต่อเดือน ประมาณ 10,000 บาทก็ควรจำกัดการใช้งานไว้เพียงแต่ตามจำนวนที่ชำระไหวเท่านั้น
5.“จ่ายเต็ม” ดีกว่า “จ่ายแค่ขั้นต่ำ”
การชำระหนี้บัตรเครดิตควรชำระจำนวนเต็มอยู่เสมอ ตั้งเป้าหมายว่าเมื่อเรารูดซื้อสินค้าเท่าไหร่ เราก็ควรชำระให้ได้ตามที่เรารูดซื้อสินค้านั้นมา
หลายๆ คนคิดว่าหากไม่สามารถจ่ายบัตรเครดิตได้ครบอาจทำการจ่ายแค่ขั้นต่ำได้ แต่นั่นเป็นวิธีการที่ผิด เพราะการที่เราจ่ายแค่ขั้นต่ำ เราจะโดนเก็บดอกเบี้ยในส่วนที่เรายังไม่ได้ชำระในทันที และดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นค่อนข้างสูง จึงไม่แนะนำให้ชำระแค่เพียงขั้นต่ำ
6.จ่ายตรงเวลาทุกครั้ง
การชำระบัตรเครดิตตรงตามยอดวันครบรอบทุกเดือน ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะไม่เสียดอกเบี้ยที่เกิดจากการที่เราชำระล่าช้าแล้ว ก็ยังเป็นการสร้างประวัติสินเชื่อ และประวัติเครดิตบูโรที่ดี ที่มีผลต่อการพิจารณาการขอสินเชื่อรูปแบบอื่นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น การทำบัตรเครดิตใบใหม่ การขอสินเชื่อรถยนต์ หรือการขอสินเชื่อบ้าน
หากไม่มั่นใจว่าจะเกิดการหลงลืมวันชำระหนี้บัตรเครดิต ก็สามารถแจ้งทางธนาคาร หรือสถาบันทางการเงินผู้ให้บริการบัตรเครดิตกับเราเพื่อแจ้งความประสงค์ในการให้หักจ่ายบัตรเครดิตจากบัญชีเงินฝากอัตโนมัติเมื่อถึงวันครบรอบได้ ซึ่งก็จะเป็นวิธีการที่ดีที่ทำให้เราไม่เกิดการหลงลืมการชำระค่าบัตรเครดิตอย่างแน่นอน
การใช้งานบัตรเครดิตที่เกินตัว และไม่สามารถชำระหนี้ที่เกิดขึ้นได้จะทำให้เกิดปัญหาที่ตามมาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สิน ปัญหาเรื่องการใช้จ่าย หรือเกิดความยากในการอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้น เราควรใช้งานบัตรเครดิตทุกครั้งอย่างมีสติ มีการวางแผนการใช้จ่าย และชำระบัตรเครดิตอย่างตรงเวลา เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับการใช้งานมากที่สุด